วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2550

ลาซารัส......คนที่ถูกมองข้ามไป

บทเทศน์ ส.26 เทศกาลธรรมดา ปี C ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2007
โดย “เศษดิน”

พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้า
ชายคนหนึ่งถูกนำไปอยู่ต่อหน้าบังลังค์ตัดสินของพระเจ้า ผู้พิพากษาก็เปิดหนังสือแห่งชีวิต เปิดไปจนหน้าสุดท้ายก็หารายชื่อชายคนนั้นไม่เจอ!!!! ผู้พิพากษาก็ประกาศว่า ที่ของชายคนนี้คือนรกเท่านั้น ชายคนนั้นก็ประท้วงว่า “แต่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ,ผมไม่ได้ทำอะไรเลย!” ผู้พิพากษาตอบว่า “ถูกต้องครับ, นี่แหละที่ทำให้ท่านต้องไปอยู่ในนรก!!! ”


อุปมาเรื่อง เศรษฐีกับลาซารัส ทำให้เราผู้ฟังอาจสงสัยว่า ทำไมชายผู้ร่ำรวยจึงต้องตกนรก ??? พระวรสารไม่ได้บอกว่า เศรษฐีมีความละโมบในทรัพย์สินเงินทองหรือ? , พระวรสารไม่ได้บอกว่า เศรษฐีทำสิ่งใดผิดต่อลาซารัสผู้ยากจนหรือ??, ตรงกันข้าม เราเองก็ไม่ได้ยินว่า ลาซารัสได้ร้องขอและถูกเศรษฐีปฏิเสธหรือ? และที่สุดเราก็ไม่ได้ยินว่า เศรษฐีนั้นได้กระทำอาชญากรรมหรือว่าทำความชั่วร้ายสิ่งใดเลย สิ่งที่เราพวกเราได้ยินทั้งหมดก็คือ เขากินอาหารอย่างไร,แต่งตัวอย่างไร คือ ทำอย่างที่คนร่ำรวยคนอื่นๆ ขาก็ทำกัน อย่างที่เขาเองก็มีสิทธิจะต้องทำ แล้วทำไมเศรษฐีจึงต้องถูกส่งไปนรกด้วย???

นี่คือคำถามสำคัญ
บ่อยครั้งที่เราคิดว่า บาปคือการทำผิดในด้าน ความคิด ทางวาจา และการกระทำ แต่เราได้ลืมอย่างที่ 4 ไปและสำคัญมากด้วยก็คือ การละเลย นั่นคือสิ่งที่เราสวดเวลาสวดบท “ข้าพเจ้าขอสารภาพบาป” ว่าดังนี้ “ว่าข้าพเจ้าได้ทำบาปมากมาย ด้วยกาย วาจา ใจและด้วยการละเลย” ถูกต้องนะครับพี่น้องที่เราได้ลืมประการที่ สี่ นั่นคือ การละเลย นี่เองที่ทำให้เราอาจไปอยู่ในนรก เหมือนกับเศรษฐีในวันนี้

ลาซารัสผู้ยากจน “นั่งอยู่ที่ประตูบ้าน” ของเศรษฐี แต่เศรษฐีไม่เคยแม้แต่จะเหลียวมอง ”ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ข้างนอก, ก็มิใช่ธุระอะไรของผม” ผมดูแลเอาใจใส่ในธุระของผมเอง คนอื่นๆ ก็ควรสนใจในธุระของพวกเขาเองด้วย ต่อมา เศรษฐีนั่นอาจโทรเรียกตำรวจและรายงานว่า มีคนแปลกหน้านั่งอยู่ที่ประตูหน้าบ้านของเขา, ในเวลาเดียวกัน สุนัขก็มาเลียแผลของลาซารัส แล้วลาซารัสก็ตาย เทศบาลก็มาเก็บศพลาซารัสและนำไปฝังไว้ในหลุมที่ไม่มีชื่อ แล้วเศรษฐีก็อาจจะกลับเข้าบ้านและนั่งดื่มกาแฟไป พี่น้องครับ เศรษฐีไม่ได้ทำอะไรผิดต่อลาซารัสเลย ไม่ได้ทำเลย!!!! แต่เศรษฐีพลาดในการทำความดี พลาดในการยื่นมือออกไปช่วยเหลือและแบ่งปันสิ่งเล็กๆ น้อยๆให้กับลาซารัส ให้กับผู้อื่น บาปของเศรษฐีคือ การละเลย และเป็นเหตุให้เขาต้องไปนรก

พี่น้องครับ อีกปัญหาหนึ่งสำหรับวันนี้ก็คือ ทำไมลาซารัสจึงได้ไปสวรรค์ ในพระวรสารไม่ได้บอกว่า ลาซารัสเป็นผู้ชอบธรรม,เป็นคนของพระเจ้า,หรือได้ทำความดีอะไรสักหนึ่งอย่าง, แต่นั่นก็คือ เรื่องอุปมานี้มีความหมายมาก เพราะเป็นเรื่องอุปมาที่พระเยซูเจ้าเล่าแล้วมีชื่อปรากฏอยู่ในเรื่องที่เล่าด้วย

ชื่อ “ลาซารัส” เป็นภาษาฮีบรูมาจากคำว่า เอลีอาซาร์ ซึ่งหมายความว่า “พระเจ้าคือพระผู้ทรงช่วยเหลือ” ดังนั้นชื่อของลาซารัส จึงมิใช่เป็นแค่ชื่อของชายผู้ยากจน, แต่เป็นชายยากจนที่เชื่อและวางใจในพระเจ้า นี่จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่บอกได้ว่า ท่านอยู่ในสวนสวรรค์พร้อมกับอับราฮัม ก็เพราะความเชื่อและความใจในพระเจ้า ท่านได้เข้าสวรรค์มิใช่เพราะท่านยากจนแต่เพราะ “ท่านเป็นผู้เชื่อและวางใจในพระเจ้า” นั่นเอง

บางคนที่อ่านพระวาจาในตอนนี้ก็สรุปเอาง่ายๆ ว่า “คนร่ำรวยจะกลายเป็นคนยากจนและคนยากจนจะกลับกลายเป็นคนร่ำรวย” แต่นี่ไม่ใช่จุดสำคัญของเรื่องเล่านี้ เพราะว่า คนร่ำรวย,เศรษฐีที่ใช้ความร่ำรวยของตนเองเพื่อรับใช้พระเจ้าในฐานะมนุษย์คนหนึ่งก็จะได้รับการอวยพรในชีวิตหน้าด้วยเช่นเดียวกัน และคนยากจนซึ่งมีชีวิตในโลกนี้ มีแต่ความขมขื่น,ทุกข์ระทมใจ แต่กลับปฏิเสธไม่ยอมเชื่อและไม่วางใจในพระเจ้าเฉกเช่นเดียวกับลาซารัสในวันนี้ ก็จะได้รับความทุกข์ทรมานในชีวิตหน้าด้วยเช่นเดียวกัน

พี่น้องครับ ข่าวดีสำหรับเรื่องนี้ก็คือ ถ้าพี่น้องรู้สึกเหมือนกับลาซารัส,มีความทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ ความยากจน และความเจ็บปวดในชีวิตในเรื่องต่างๆ สังคมหลงลืมพี่น้องไป และถูกลืมแม้แต่จากบุคคลที่พระเจ้าทรงอำนวยพระพรให้

ขอให้พี่น้อง จงดำเนินชีวิตของพี่น้อง ด้วยความเชื่อและวางใจในพระเจ้าต่อไป จงรู้ไว้เถิดว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะกลับกลายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับวิญญาณของเราในวาระสุดท้าย และถ้าพี่น้องรู้สึกว่า ตัวเองได้รับพระพรของพระมากมาย มีทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต มีความสุขอย่างล้นเหลือ หรือว่า พอจะมีอยู่บ้าง จงเปิดประตูบ้านของท่านและมองดู บางที ตรงหน้าประตูบ้านของพี่น้อง อาจพบลาซารัสกำลังนั่งอยู่ที่ประตูบ้านของพี่น้องแต่เราไม่ได้สนใจต่อลาซารัสเลย

ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องครับ

ไม่มีความคิดเห็น: