วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ฉันเป็นคนใช้ไร้ประโยชน์...........

บทเทศน์ ส.27 เทศกาลธรรมดา ปี C ประจำวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2007


"Wang li"


อ่านพระวาจา ......คลิกที่นี่





ชายคนหนึ่งตกจากหน้าผา ในระหว่างที่ลอยตกลงมานั้น เขาก็คว้ากิ่งไม้ยึดเหนี่ยวไว้ได้ แต่ก็ไม่สามารถจะไต่กลับขึ้นไปได้ ถ้าตกลงไปข้างล่างก็ต้องตายแน่นอน ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาก็มองขึ้นไปบนฟ้า และตะโกนขึ้นไปว่า “มีใครอยู่บนนั้นไหมครับ?” มีเสียงหนึ่งตอบลงมาว่า “ใช่แล้ว,เราอยู่นี่ เจ้าเชื่อในเราหรือเปล่า?” ชายหนุ่มก็ตอบไปว่า “ลูกเชื่อพระองค์,เชื่อพระองค์จริงๆ โปรดช่วยลูกด้วยเถิด” เสียงนั้นก็ตอบว่า “เอาหล่ะ ถ้าเจ้าเชื่อในเรา, เจ้าก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใดใด เราจะช่วยเจ้า เอาหล่ะปล่อยมือจากกิ่งไม้ได้แล้ว” ชายหนุ่มนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตะโกนกลับขึ้นไปอีกครั้งว่า “ข้างบนนั้นหน่ะ,มีคนอื่นอีกไหม?”
พี่น้องครับ ชายคนนี้เป็นผู้มีความเชื่อหรือเปล่า? แน่นอนมีแน่ เขาเชื่อว่า พระเจ้าทรงมีอยู่ เขาเชื่อในพลังของการภาวนา เขาเชื่อว่าพระเจ้าสามารถช่วยเขาจากอันตรายของชีวิตได้ ดังนั้นเขาจึงภาวนาต่อพระเจ้า แต่ถ้าเขาเชื่อในพระเจ้าในขณะที่กำลังปีนอยู่นั้น ทำไมเขาจึงไม่ปฏิบัติตามที่พระเจ้าทรงบอก?? ทำไมเขาไม่ปล่อยมือจากกิ่งไม้ที่เขายึดไว้? พระเจ้าช่วยเขาไม่ได้แล้วหรือ? เราได้ฟังเรื่องนี้ก็อาจจะรู้สึกขำขำ เพราะว่าบางครั้งในชีวิตเราก็เป็นเหมือนชายคนนี้แหละ เราเชื่อในพระเจ้า แต่เมื่อสิ่งต่างๆ ที่เราได้ทำ สิ่งที่เรายึดถืออยู่ในชีวิตไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจต้องการ เราก็ยึดสิ่งนั้นไว้ในมือของเราเองและมองหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างอื่นสำหรับตัวของเราเอง เราเชื่อ แต่เรายังเป็นคนที่ยังมีความเชื่อน้อย


บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าก็เช่นกัน, ก็เป็นคนที่มีความเชื่อน้อย พวกเขาเชื่อในพระเยซูและก็ติดตามพระองค์ แต่เมื่อเขาเห็นทหารมาจับพระเยซูเจ้าไป ขณะที่อยู่ในสวนเกทเสมานี พวกเขาก็ละทิ้งพระเยซูเจ้าไป พวกเขาเป็นคนมีความเชื่อน้อย

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ พวกเขาจึงมาหาพระเยซูเจ้าและบอกกับพระองค์ว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด” คนที่ไม่รู้ และไม่รู้ตัวว่า ตัวเองนั้นกำลังไม่รู้ เขาเรียกว่า คนไม่ฉลาด(คนโง่) แต่คนที่ไม่รู้ แต่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ เขาเรียกว่า คนฉลาด พวกสาวกรู้ว่า ความเชื่อของพวกเขานั้นยังไม่เพียงพอ พวกเขาจึงพยายามที่จะเพิ่มพูนความเชื่อของพวกเขาให้มากขึ้น อะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า ความเชื่อนั้นไปเพิ่มพูนขึ้นใน 1 ปีที่ผ่านมา เราเข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจกี่ครั้ง, เราสัมมนาพระคัมภีร์หรือศึกษาพระคัมภีร์กี่ครั้ง? เราอ่านหนังสือไปกี่เล่ม? สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเครื่องหมายที่บอกว่า ความเชื่อของเราเพิ่มพูนขึ้นขนาดไหน

และเพื่อที่จะตอบกับศิษย์ของพระองค์ ในการเพิ่มพูนความเชื่อ พระเยซูเล่าเรื่องของคนใช้ที่กลับมาจากท้องนาและมาเตรียมอาหารให้เจ้านายของเขาและคอยเฝ้าดูในขณะที่เจ้านายรับประทานอาหาร พี่น้องลองคิดดูว่า ทำไมเจ้านายจึงไม่ให้คนรับใช้ที่เพิ่งกลับจากทุ่งนา น่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทำไร่ ตากแดดร้อน เหนื่อย หิว ไปทำตามความต้องการของตัวเอง คือ ไปหาอาหารกินเองและพักผ่อน ดูเหมือนเจ้านายใจร้าย แต่สิ่งที่พ่อเชื่อว่า พระเยซูต้องการบอกกับเราก็คือ ถ้าเราแต่ละคน เติบโต เป็นผู้ใหญ่ทางความเชื่อแล้ว เราควรทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า กระทำสิ่งที่ทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัยเป็นอันดับแรกสุดในชีวิตของเราตลอดเวลา ถ้าเรามีความเชื่อแล้ว เราจะม่าบ่นว่า ว่า เราได้ทำงานเพื่อพระเจ้ามาตลอดทั้งวันแล้ว ตอนนี้ผมเหนื่อยแล้วและกลายเป็นว่า พระเจ้าจะต้องมาตั้งใจฟังดูความต้องการของเราหรือ? ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เราต้องลืมตัวเองและทำงานเพื่อพระเจ้า และรู้ว่า พระประสงค์ของพระเจ้าจะมาถึงเรา เมื่อไรอย่างไรนั้น ตามแต่พระองค์จะเห็นสมควร (วันฝังศพ คุณพ่อคมกฤส อานามนารถ " เราคงต้องยอมรับในสิ่งที่พระเจ้าทรงอนุญาต" )

ความเชื่อที่ช่วยให้เพียงแต่รอดพ้น มิใช่เป็นความเชื่อในพระเจ้า ความเชื่อหมายถึง ไม่ว่าฉันจะรอดหรือไม่รอดพ้น ฉันจะยึดความเชื่อของฉันไว้กับความรักของพระเจ้าที่มีต่อตัวฉัน นี่คือข้อผิดพลาดของชายหนุ่มคนนั้นที่คิดถึงพระเจ้า เฉพาะให้พระองค์ช่วยให้รอดพ้น แต่ไม่เชื่อว่าพระองค์จะช่วยให้รอดและมีความรักต่อเขา พระเจ้ารักอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อเราทุกคน คริสตังค์หลายคนเฝ้ามองหาอัศจรรย์ในชีวิต รอคอยและหวังให้พระเจ้าทำอัศจรรย์ในชีวิต แต่สิ่งที่พระวาจาได้สอนเราในวันนี้ ความเชื่อที่แท้จริง ที่เติบโตแล้วคือ ความเชื่อที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากว่า พระเจ้าตอบสนองต่อความต้องการของเรามากน้อยเท่าไร ทันทีทันใด แต่ อยู่ที่ น้ำใจของเราที่จะรับใช้พระเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่มีการคิดราคาค่าจ้างใดใด ขอให้วันนี้เราร่วมกับบรรดาศิษย์ของพระองค์และร้องขอให้พระองค์ “โปรดเพิ่มพูนความเชื่อให้พวกเราด้วยเถิด”

ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น: