วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ส.23 เทศกาลธรรมดา ปี B - วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2552/2009

1. การใช้เวลาอยู่ในกลุ่มของคนที่ตาบอดและหูหนวกนั้น ทำให้เราตระหนักว่า คุณค่าและพระพรแห่งการพูดและการได้ยินเสียงต่างๆ นั้นมีค่าแค่ไหน? คนเหล่านั้นถูกตัดขาดจากโลกแห่งเสียงและไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการสนทนากับเพื่อน, เสียงหัวเราะของเด็กๆ และความสนุกสนานในการฟังเพลงใดใด
2. ชายในพระวรสารวันนี้ เราเห็นว่า ชายคนนี้ช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้พบพระเยซูเจ้าในวันนี้ พระองค์รักษาชายตาบอดหูหนวก ทำให้เขาได้พบจุดเปลี่ยนในชีวิตและทำให้เขากลับมาเป็นคนธรรมดาๆ เหมือนกับเรา
3. พี่น้องครับ เราทุกคนโชคดีที่เกิดมาได้ยินเสียงและสามารถพูดได้ แต่พระพรทั้งสองประการนี้จะต้องมีความหมายมากกว่าการที่เราใช้เพื่อสื่อสารเท่านั้น
4. นั่นคือ เราสามารถฟังเสียงของพระเจ้าและประกาศพระวาจาของพระองค์ นี่คือสิ่งที่เราไม่ควรจะลืม อะไรที่เราพูดและอะไรก็ตามที่เราได้ยิน กำหนดให้เราทำอะไรและทำให้เราเป็นคนอย่างไรได้
5. นี่คือโอกาสของเราที่เราจะได้ เอาใจใส่ต่อคนที่ดำเนินชีวิตอย่างโดดเดี่ยว (บุคคลชายขอบของสังคม) เพราะการเป็นคนหูหนวกและตาบอด อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งที่ดีที่เราจะระลึกไว้เสมอว่า คนหูหนวก ไม่ได้มีอยู่แค่ในสมัยของพระเยซูเจ้าเท่านั้น แต่มีอยู่ตลอดทุกกาลสมัย และอาจหมายถึงในสมัยของเราที่บางคน ปฏิเสธพระเจ้า ปฏิเสธที่จะฟังเสียงของพระองค์
6. เราทุกคนต้องการการรักษาจากมือของพระคริสตเจ้า เพื่อทำให้เราได้ยินและบอกเล่าข่าวดีของพระเจ้า
7. พระเยซูเจ้าคือผู้เดียวที่สามารถรักษาคนหูหนวกและตาบอดจากสิ่งที่เราเป็น เพื่อเราจะได้ใช้ความสามารถนี้ได้ เป็นไปได้ที่เราอาจเป็นเหมือนคนตาบอดหูหนวกนี้เพราะการปฏิเสธที่จะฟังคนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว , ผู้คนที่มีปัญหา,และคนที่วิตกกังวลต่อชีวิต
8. หลายๆ ครั้ง ปากของเราซึ่งสามารถพูดได้ ออกเสียงได้ ก็อาจไม่ได้พูดคำที่ให้กำลังใจกันและกันมากเท่าที่ควร หรือเป็นคำพูดที่ให้ความหวังและกำลังใจ หรือเรากลายเป็นคนระมัดระวังคำพูดในเวลาที่เราควรจะพูดในความจริง และก็ยังมีปัญหาต่อการพูดคุยกับเพื่อนบ้านเพราะว่าเรามีรั้วกั้นบ้านเป็นแนวยาวหรือมีความอิฉาริษยาต่อกัน
9. พี่น้องครับ สิ่งที่พระเยซูเจ้าต้องการบอกกับเราในวันนี้ก็คือ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่การเกิดมาเป็นคนตาบอด หรือหูหนวก แต่เป็นเพราะ “มีหูแต่ไม่ได้ยิน มีลิ้นแต่ไม่ยอมพูด” เราก็เป็นคนตาบอดหูหนวกคนหนึ่ง ที่จำเป็นจะต้องก้าวไปหาพระเยซูเจ้าเพื่อให้พระองค์รักษาเรา เพื่อให้เราเป็นผู้สื่อสารในที่เงียบสงัด เป็นเพื่อนกับคนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวในชีวิต และให้กำลังใจกับผู้ที่หมดหวังในทุกโอกาสของเรา
10. พ่อขอนำข้อคิดจากผู้ที่ไปเข้าเงียบครั้งที่ผ่านมา
a. ชัดเจนในตัวเองว่า ที่ได้คิดว่าได้ใช้ชีวิตติดตามพระองค์มาตลอดนั้น ความจริงแล้วยังไม่ใช่เลย มีอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้ และดำเนินชีวิตอย่างจริงจัง ในคุณลักษณะต่างๆ ตามแบบฉบับ ของพระองค์
b. เพิ่งรู้ว่า ได้ปล่อยให้พระองค์ทำงานหนักเพียงฝ่ายเดียวมานานแสนนาน โดยไม่ให้ความ ร่วมมือและไม่เปิดใจตัวเองอย่างจริงจัง จนทำให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความรัก และความอดทน ของพระองค์อย่างมากมาย ในขณะนี้
c. พระวาจาของพระองค์ มีชีวิต พูดได้ และน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ
11. ขอพระเจ้าประทานพระพระแด่พี่น้องเสมอไป

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

บทเทศน์วันนี้แจ่มอีกแล้วคุณพ่อ ถูกใจจริงๆ