1. มีเรื่องเล่าว่า เชอร์ล๊อคโฮมกับดอกเตอร์วัตสันก็ไปแคมป์ปิ้งกันสองคน ขณะที่ทั้งสองกำลังนอนหลับอยู่นั้น โฮมก็ปลุกวัตสันแล้วบอกว่า “วัตสัน ลองมองไปที่ท้องฟ้าซิและบอกซิว่า คุณเห็นอะไรบ้าง?” วัตสันตอบว่า “ผมเห็นดวงดาวเป็นล้านๆดวงเลย” โฮมถามต่อว่า “และมันบอกอะไรกับคุณบ้าง” วัตสันตอบว่า “ดาราศาสตร์ บอกกับเราว่า มีกาแลคซี่เป็นล้านๆและมีดวงดาวอีกมากมายในจักรวาลนี้”
2. เทววิทยา,บอกกับเราว่า พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่และเรานั้นเล็กน้อยและไม่มีค่าอะไรเลย
3. อุตุนิยมวิทยา,บอกเราว่า พรุ่งนี้เราจะมีวันที่สดใสหรือไม่? และคุณหล่ะ พวกนี้บอกคุณว่าอะไรมั่ง” โฮมตอบว่า “มีคนขโมยเตนท์ของเราไปแล้ว!”
4. บางคนก็มีความรู้มากมายแต่เมื่อกลับไปมองดูในชีวิต กลับได้คะแนนในชีวิตเป็นศูนย์ เหมือนกับ น.เปโตรในพระวรสารวันนี้
5. มีนักวิชาการทางพระคัมภีร์บอกเราว่า พระวรสารในวันนี้เป็น “ศูนย์กลางของพระวรสารของ น.มารโก” ครึ่งแรกของพระวรสารเป็นการนำเรามาสู่พระวาจาในตอนนี้ , และครึ่งที่สองก็เริ่มต้นจากนี้ไป
6. ตั้งแต่ตอนต้นพระวรสารจนมาถึงจุดนี้ เป็นการเตรียมสำหรับการ “ไขแสดงถึงความลับที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระแมสซิยาห์”, ในตอนนี้เองที่ “ความเป็นพระแมสซิยาห์” ได้ถูกเผยแสดง, และจากนี้ไปจนจบพระวรสารจะเริ่มต้น “ภารกิจเข้มข้นของพระเยซูเจ้าในฐานะพระแมสซิยาห์” ดังนั้นในพระวรสารวันนี้ คือ การที่พระเยซูเจ้าทรงทดสอบศิษย์ของพระองค์เพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขาเข้าใจพระองค์แล้วหรือยัง?? การสอบถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน , ส่วนแรกสองเรื่อง เทววิทยา ส่วนที่สอง เป็นเรื่องของการปฏิบัติ
7. ในส่วนแรกนั้น พระเยซูเจ้าทรงถามเป็นคำถามกับ น.เปโตรว่า “คนทั้งหลายว่าเราเป็นใคร” ในสมัยนั้น เขาจะชอบถามก่อนว่า คนอื่นคิดอย่างไร แล้วจึงค่อยๆบอกความคิดของตนเองว่า คิดอย่างไร? เปโตร โฆษกของบรรดาศิษย์ตอบทันทีว่า “พระองค์คือพระแมสซิยาห์(พระคริสตเจ้า) ” นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญเพราะพระเยซูเจ้ากำลังเปิดเผย ถ้าเราอ่านในพระวรสารของ น.มัทธิว เราก็จะพบว่า พระเยซูเจ้าทรงดีใจและทรงมอบรางวัลให้กับเปโตร บอกว่า เปโตรได้รับการเผยแสดงนี้จากพระเจ้า และพระองค์ได้ให้รางวัล นั่นคือ ก่อนหน้านี้เปโตรชื่อ ซีมอน พระองค์ให้ชื่อใหม่ว่า เปโตร ซึ่งแปลว่า ศิลา และบนศิลานี้ พระเยซูเจ้าจะทรงตั้งพระศาสนจักรของพระองค์ ประตูนรกจะไม่มีวันเอาชนะพระศาสนจักรได้ นี่บททดสอบบทแรก บททดสอบเทววิทยา เปโตรผ่านฉลุย.
8. บททดสอบที่สอง นั่นก็คือ บททดสอบภาคปฏิบัติซึ่งเป็นข้อสรุปของบทที่ 1 “พระเยซูเจ้าทรงเริ่มสอนบรรดาศิษย์ว่า บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานอย่างมาก จะถูกผู้อาวุโส มหาสมณะและธรรมจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่สามวันต่อมาจะกลับคืนชีพ” ข้อ 31
9. จากจุดนี้เองที่ เปโตรไม่เห็นด้วยกับพระเยซูเจ้า แม้ว่าเขาจะได้ 100% ในคะแนนสอบทางเทววิทยา , แต่ในความเป็นจริง เปโตรแสดงให้เห็นว่า ท่านไม่รู้อะไรเลยในเรื่องการปฏิบัติในสิ่งที่ท่านได้ตอบไป ดังนั้นพระเยซูเจ้าเลยตำหนิเปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลัง อย่าขัดขวาง เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์” ข้อ 33. ศิลาที่พระเยซูจะสร้างพระศาสนจักร กลายเป็น ซาตานในทันที.
10. สิ่งที่เป็นสิ่งที่ทำให้เปโตรอยู่ในอาการที่เรียกว่า ช๊อค , และน่าจะคล้ายพวกเราด้วยเช่นกัน เราอาจเป็นเหมือนกับเปโตร คือ ให้ความสนใจต่อเรื่องของคำสอน เทววิทยา แต่สนใจต่อการปฏิบัติจริงๆในชีวิต
11. เวลาที่เราเตรียมผู้เรียนคำสอน เราก็พยายามสอนข้อคำสอนมากมายและก็ทดสอบในสิ่งที่พวกเขาได้เรียน ตอบได้หมด เมื่อเราถามว่า “ท่านมีความเชื่อในข้อคำสอนนั้นหรือไม่??” เขาก็ตอบว่า “เชื่อครับ” เราก็ทำการล้างบาปให้เขา แต่หากถามว่า เราได้ตรวจสอบว่าในชีวิตจริงนั้นเขาปฏิบัติอย่างไร? เราคงไม่ได้ลงไปลึกขนาดนั้นได้ แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะมากเกินไปสำหรับเรา แต่สำหรับพระเยซูเจ้า พระองค์มองว่า จำเป็นที่จะต้องมีการปฏิบัติในชีวิตจริงๆของเราด้วย”
12. ในเรื่อง วันพิพากษา พระเยซูเจ้าได้เปิดเผยว่า เราจะถูกตัดสินโดยที่ว่า เรานั้นได้ปฏิบัติความเชื่ออย่างไร? มากกว่าการที่เรามีความเชื่อมากน้อยแค่ไหน? แน่นอนว่า ความรู้ และการปฏิบัตินั้นก็สำคัญทั้งสองอย่าง แต่ชีวิตที่ปฏิบัตินั่น สำคัญอย่างยิ่งและมาเป็นที่ 1 ต่อหน้าพระเจ้าเสมอ
13. ให้เราได้วอนขอพระเจ้าในวันนี้ เพื่อให้เรามั่นคงในความเชื่อที่แท้จริงดุจดังศิลา แต่สิ่งที่มากไปกว่านั้นก็คือ ขอให้ “การปฏิบัติในชีวิตของเรานั้นเป็นจริงมากขึ้นในชีวิตของเราด้วย”
14. ขอพระเจ้าอำนวยพระพรแด่พี่น้องเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น