
เช้าวันอาทิตย์อีกแล้ว สัตบุรุษทั้งหลายพากันมาร่วมพิธีกรรมทางศาสนาทุกคนร่วมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกันในมิสซาบูชาขอบพระคุณ แต่เราจะได้อะไรบ้างจากการร่วมพิธีนี้ หลายคนอาจจะตอบว่าได้รับศีลมหาสนิทซึ่งเป็นพระกายของพระเยซูเจ้า แต่นอกจากนี้แล้ว เรายังได้รับฟังคำเทศน์สั่งสอนของพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีด้วย พูดถึงเรื่องคำเทศน์สอนนี้แล้วนั้น พวกเราได้รับอย่างแน่นอน แต่เราสามารถนำไปใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์ได้มากสักเท่าใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของเรา ว่าต้องการคำเทศน์นั้นมากน้อยเพียงไรแต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า ในส่วนลึกๆ แล้วทุกคนก็อยากจะได้รับประโยชน์จากคำเทศน์นี้อยู่แล้ว ผมจึงขอนำเสนอวิธีการง่ายๆ ที่ควรพึงปฏิบัติในการฟังเทศน์มาแบ่งปันให้ทุกท่านได้ทราบกัน
1. พึงระลึกอยู่เสมอว่า การฟังพระวาจาของพระเจ้าเป็นสิ่งจำเป็น จำไว้เถิดว่า สำหรับพระอาจารย์เจ้าแล้วพระวาจาเป็นสิ่งสำคัญ พระองค์เองไม่ได้เขียนอะไรเลย พระองค์ได้สั่งพวกอัครสาวก ไม่ใช่ให้เขียนแต่ให้สอนนักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า “ความเชื่อมาจากการฟัง” ท่านบอกพวกเราว่าท่านไม่ได้ส่งมาเพื่อโปรดศีลล้างบาปแต่เพื่อประกาศพระวาจาของพระคริสตเจ้า และในปัจจุบันบนธรรมาสน์ พระสงฆ์ไม่ได้ทำอะไรนอกจากการเทศน์สอนเกี่ยวกับพระคริสตเจ้า ซึ่งได้มอบแก่เราโดยทางอัครสาวก ได้ยินด้วยหูของพวกเขาเอง นั่นก็หมายความว่าพระอาจารย์ของเราต้องการจะบอกบางอย่างกับ “ฉัน” โดยอาศัยเสียงของพระสงฆ์ และเราก็ควรกระหายที่จะรับฟังว่านั้นคืออะไร
2. สำรวมจิตใจก่อนการเทศน์จะเริ่มขึ้น ในการฟังเทศน์นั้นไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม การสำรวมเป็นการกระทำอันประเสริฐที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์ ตามปกติแล้วนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย พวกเขาจะทำสมาธิให้แน่วแน่ก่อนการแสดงชุดพิเศษ นักกรีฑาก่อนการแข่งขัน พวกเขาจะผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หายใจลึกๆ และหลับตาในทำนองเดียวกัน พวกเราก็ควรจะเตรียมจิตใจจดจ่อกับสิ่งที่ผู้เทศน์กำลังพูด การภาวนาที่ร้อนรน วอนขอพระจิตเพื่อประทานความรัก การกระหายความถูกต้องและเที่ยงธรรมและความชื่นชมยินดีเสมอในความบรรเทาของพระองค์ ก็จะช่วยให้เราสามารถรับฟังข่าวสารจากพระเจ้า และบทภาวนาที่เร่าร้อนที่เราวอนขอพระเจ้าเพื่อผู้เทศน์ได้เป็นกระบอกเสียงที่ทรงประสิทธิภาพ ในการนำข่าวสารของพระเจ้ามาสู่ชาวเราควรเป็นสิ่งที่พึงกระทำ
3. มีความสนใจแน่วแน่ต่อบทเทศน์ หลายครั้งที่การเทศน์จบลงอย่างไม่เป็นท่า หรือเทศน์อย่างไม่น่าสนใจ เมื่อท่านต้องพบกับความวอกแวกที่น่ารำคาญ และใบหน้าที่แสดงถึงความเบื่อหน่ายของผู้ฟัง นักพูดคนใดก็ตามต่างก็พึงพอใจที่มีผู้ฟังจ้องมองเขาขณะที่พูดอย่างสนอกสนใจ จงพยายามทำให้ผู้เทศน์เกิดความประทับใจว่า คุณกระหายที่จะฟังสิ่งที่เขาจะพูดกับคุณอย่างจริงใจ
4. มีการตอบสนองต่อสิ่งที่เขากำลังพูด หลังจากสนทนาสองสามนาทีทางโทรศัพท์ คุณจะพบว่าไม่มีใครอยู่ใช่ไหม? เช่นเดียวกัน มันน่ารำคาญสำหรับพระสงฆ์ที่กำลังเทศน์ที่จะมองออกไปยังผู้คนเพียงเพื่อจะพบว่า ไม่มีใครฟังเขาอยู่เลย หรือก็แย่ไปกว่านั้น เพื่อที่จะดูว่าใบหน้าที่แสดงอาการเฉยเมยเหล่านั้นพูดว่า เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ความพยายามแสดงความสุภาพ โดยให้ความสนใจต่อผู้พูดอย่างจริงจังและเต็มใจ เป็นวิธีการหนึ่งที่คุณทำได้ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของบทเทศน์
5. ประยุกต์ใช้สิ่งที่คุณรับฟังกับชีวิต ไม่มีใครที่ครบครันแล้ว เราทุกคนพบว่ามีส่วนต่างๆ ในชีวิตที่ควรปรับปรุงให้งดงามยิ่งขึ้น ในสายพระเนตรของพระเจ้า และของมนุษย์ ถ้าเราผู้ฟังพระวาจาของพระเจ้า จะทุ่มเทพละกำลังในการประยุกต์ใช้บทเทศน์ เหมือนกับทีเราพยายามวิพากษ์วิจารณ์ผู้เทศน์แล้ว เราจะเป็นสุขมากเพียงใด
6. แสดงความชื่นชม การเทศน์เป็นงานที่โดดเดี่ยว ผู้เทศน์จะไม่หมดกำลังใจเลยหากเขาได้รับความชื่นชมจากผู้ฟังบ้าง ไม่ใช่การยกยอจนเกินไปหากแต่เป็นคำขอบคุณที่จริงใจต่อผู้เทศน์ สำหรับการเทศน์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เขาเทศน์อย่างเต็มที่ ไม่มีนักเทศน์คนใดที่จะปรับปรุงการเทศน์ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์ที่ร้ายกาจหรือสิ่งที่น่าหดหู่ ความไม่สนใจใยดี
7. เสนอแนะหัวข้อในการเทศน์ ไม่เป็นการลำบากที่จะหาหัวข้อในการเทศน์ แต่ปัญหาอยู่ที่การหาหัวข้อที่น่าสนใจจริงๆ และสอดคล้องกับกลุ่มผู้ฟัง ข้าพเจ้าจะมีความสุขมากเพียงใดถ้าหลังจากการเทศน์ตอนเช้า ข้าพเจ้าได้รับจดหมายเขียนว่า “คุณพ่อที่รักดิฉันได้รับฟังบทเทศน์ของคุณพ่อเรื่องการพลีกรรมในมิสซารอบ 10.30 เมื่อวานนี้ ดิฉันคิดว่ามีประโยชน์มากที่ได้ฟังคุณพ่อพูดถึง การยอมรับประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในชีวิตประจำวันด้วยความอดทน ปล่อยวางและอุทิศสิ่งเหล่านี้เพื่อผู้อื่นที่ต้อนทนทุกข์มากกว่าพวกเรา ดิฉันใคร่จะเสนอให้คุณพ่อเทศน์เกี่ยวกับ “การอดทนต่อลูกๆ ของพวกเรา” ในวันใดวันหนึ่งเร็วๆ นี้”ข้าพเจ้าไม่สามารถพูดแทนพระสงฆ์คนอื่นได้ แต่ข้าพเจ้ารู้ว่าจดหมายเช่นนี้จะทำให้ข้าพเจ้ากระตือรือร้น ในความพยายามที่จะแสดงบนธรรมาสน์ถึงสิ่งที่สวยงามเพื่อพระเจ้า (และผู้ฟัง) ในครั้งต่อไป
8. เตรียมตัวล่วงหน้า ข้อเสนอแนะนี้น่าจะเหมาะกับผู้เทศน์มากกว่าผู้ฟัง แต่จำเป็นที่เราจะต้องเตรียมพร้อมก่อนการเทศน์ในสัปดาห์ต่อไป ฉันอาจถามผู้เทศน์ล่วงหน้าสักหนึ่งอาทิตย์เกี่ยวกับหัวข้อของบทเทศน์ของอาทิตย์ต่อไป ในระหว่างอาทิตย์นั้นฉันอาจพิจารณาไตร่ตรองเกี่ยวกับหัวข้อนั้นและเมื่อเวลาเทศน์มาถึง โดยธรรมชาติแล้วฉันก็อยากจะฟังในสิ่งที่ผู้เทศน์กำลังพูด ฉันคิดว่าฉันน่าจะตั้งใจฟังมากยิ่งขึ้น
9. ควรมีทัศนะที่ดีต่อผู้เทศน์ พระสงฆ์นั้นมีรูปร่างและหุ่นที่หลากหลายแตกต่างกันไป อีกทั้งสติปัญญาและน้ำเสียง การที่จะคอยให้ความสนใจนักพูดที่มีสุ้มเสียงแบบนักจัดรายการวิทยุนั้น ก็เท่ากับว่าคุณเกือบจะไม่ได้สนใจอะไรเลยเพราะพระสงฆ์ส่วนมากไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ สิ่งเดียวที่จะช่วยในการเข้าใจในขณะฟังเทศน์ก็คือ การใคร่ควรอย่างศรัทธา ถึงความคิดที่ผู้เทศน์กำลังเสนอ และปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาหล่อเลี้ยงวิญญาณของคุณนี่แหละเป็นสิ่งที่พระอาจารย์เจ้าได้เรียกร้องจากผู้ที่ติดตามพระองค์ พวกอัครสาวกไม่ได้ทำให้พวกต่างศาสนากลับเป็นคริสตชนเพราะความหล่อ หรือน้ำเสียงที่ชวนฝันของพวกเขา บางคนพูดถึงนักบุญเปโตรว่า เป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่ งานของพระคริสตเจ้าสำเร็จลุล่วงไปโดยอาศัยการเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ร้อนรนในการประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้าแก่ผู้ฟัง
10. ให้การสนับสนุนในการจัดหาเครื่องขยายเสียงที่มีคุณภาพ ในยุคไฮไฟ และโลกของอีเล็กทรอนิกส์อย่างปัจจุบัน ไม่มีเหตุผลเลยที่พระสงฆ์จะต้องพยายามแหกปากร้อง เพื่อให้คนอื่นได้ยิน แต่ในโบสถ์คาทอลิกของเรายังมีไมโครโฟนถูกๆ ลำโพงที่ส่งเสียงน่ารำคาญ และเครื่องเสียงที่ด้อยคุณภาพอยู่มาก ข้าพเจ้าไม่อาจบรรยายความรู้สึกในธรรมาสน์ได้ เมื่อสามารถได้ยินเสียงของตนเองที่ดังออกมาและชัดเจนสิ่งนี้จะช่วยให้กำลังใจข้าพเจ้าที่จะพูดสิ่งใดก็ตามอย่างคุ้มค่า และด้วยความกระตือรือร้น
ให้เรามาเป็นผู้เชี่ยวชาญในศีลปะแห่งการฟังเถอะ
หมายเหตุ อ้างอิงจากหนังสืออิสระรายสัปดาห์