
อ่านพระวาจาประจำสัปดาห์ http://www.catholic.or.th/spiritual/homily/oct09/11oct09.html
1. นายพรานแอฟริกันมีวิธีการที่ยอดเยี่ยมในการดักจับลิง คือ เขาจะผ่ามะพร้าวออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งก็เจาะรูตรงกลาง ให้กว้างพอสำหรับมือของลิงจะลอดเข้ามาได้ แล้วเขาก็เอา ส้ม 1 ลูกใส่ลงไปข้างใน แล้วก็ประกบมะพร้าวเข้าด้วยกัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เอาไปแขวนที่ต้นไม้
2. ในที่สุด เมื่อลิงได้กลิ่นของส้ม ไม่นานมันก็รีบโหนต้นไม้มาแล้วเอามือล้วงเข้าไปในมะพร้าวลูกนั้น มันก็พยายามดึงเอาส้มออกมา แน่นอนว่า ส้มออกมาไม่ได้แน่นอน เพราะส้มใหญ่กว่ารูที่เจาะไว้ ลิงก็พยายามดึงแล้วดึงอีก แต่ก็ไม่ได้คิดว่า มันจะมีอันตรายอะไร ขณะที่ลิงกำลังดึงอย่างขมักเข้นอยู่นั้น นายพรานก็เอาตาข่ายแล้วจับลิงไว้ได้ หากลิงคิดได้ มันก็แค่ปล่อยส้มแล้วเอามือออกมา แล้วก็หนีไป
3. การดักจับแบบนี้ก็ได้ผลเพราะว่า เพราะลิงคิดไม่ได้ว่า มันจะเลือกเอาอะไรระหว่าง ส้ม กับ อิสระภาพ มันจะเอาทั้งสองอย่าง แม้ว่า ลิงจะเห็นว่า นายพรานมาแล้ว มันก็คงไม่ปล่อยส้มในมือและวิ่งหนีไป แต่จะพยายามเอาส้มไปด้วยให้ได้
4. การดักจับแบบนี้ได้ผลเพราะว่า ลิงถูกจับได้เพราะความโลภของตนเอง ถ้าเราจินตนาการว่า ในตอนนั้นลิงอาจจะสวดภาวนาว่า “โอ้พระเจ้า ช่วยลูก(ลิง)ด้วยแต่ว่า อย่าขอร้องให้ผมปล่อยส้มไปนะครับ” เรื่องนี้อาจฟังเป็นเรื่องสนุกๆ แต่ในความเป็นจริงก็คือ หลายๆ คนในพวกเรา ก็อาจจะสวดภาวนาแบบลิงนี่แหละ
5. เหมือนในพระวรสารวันนี้ ที่ชายหนุ่มที่มาหาพระเยซู ที่อาจสวดภาวนาเช่นเดียวกันว่า “ขอพระองค์ประทานชีวิตนิรันดรให้กับลูก แต่อย่าขอให้ลูกทิ้งทรัพย์สมบัติของลูกไปเลย”
6. พี่น้องครับ ถ้าพี่น้องเป็นคนรักสัตว์ และพี่น้องกำลังเห็นลิงตัวนั้น มือกำลังติด นายพรานก็กำลังมาแล้ว พี่น้องจะทำอย่างไร? พี่น้องอาจจะตะโกนบอกลิงตัวนั้นว่า “ปล่อยส้มไปก่อน แล้ววิ่งสุดชีวิต”
7. นี่แหละคือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงบอกกับชายหนุ่มผู้ร่ำรวยคนนั้น พระองค์มองเห็นชายคนนั้นอยู่ในอันตราย เสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตนิรันดร กับจิตใจที่ยึดติดกับทรัพย์สมบัติ พระองค์จึงบอกเขาให้ไปขายทรัพย์สมบัตินั้นและรักษาชีวิตไว้ ทำไมพระเยซูทำเช่นนี้? เพราะ “พระองค์ทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู” Jesus looked at him and loved him” (Mark 10:21a).
8. คำสอนและคำแนะนำของพระเยซูเจ้า เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจเสมอ แต่ คำสั่งสอนนี้เพื่อ “ความดีของแต่ละคน” และมันจะเปลี่ยนชีวิตของเรา เมื่อเราตระหนักว่า “พระองค์สอนเช่นนี้ เพราะพระองค์รักเรา และพระองค์รู้จักเราดีที่สุด รู้ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดควรหลีกเลี่ยง
9. ชายหนุ่มผู้ร่ำรวย ก็เหมือนกับลิงตัวนั้นที่เพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ส้มในขณะที่ชีวิตกำลังมีอันตราย พระเยซูเจ้าจึงชี้หนทางให้เขาเอาตัวรอด “ท่านยังขาดไปสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงตามเรามาเถิด”
10. พี่น้องครับ ทำไมชายหนุ่มคนนี้จึงพบว่า คำสอนนี้จึงยากจะปฏิบัติตาม? เรารู้ว่า ชายคนนี้เป็นคนเคร่งศาสนา ปฏิบัติบทบัญญัติของชาวยิวมาตั้งแต่เด็ก และศาสนายิวเชื่อว่า ความร่ำรวยเป็นเครื่องหมายของการอวยพรของพระเจ้าและ ความยากจนคือ การที่พระเจ้าสาปแช่ง
11. เมื่อพระเยซูบอกกับศิษย์ของพระองค์แล้ว พวกเขาจึงพากันบ่นว่า “ดังนี้ ใครเล่าจะสามารถรอดพ้นได้”
12. พระวรสารในวันนี้ จึงท้าทายเราทุกคนให้คิดถึง ความต่ำต้อยและความรักของพระเจ้าที่สามารถอยู่ในเราทุกคนได้ และระลึกไว้เสมอว่า ความยากจนต่ำต้อยนั้น ก็เป็นวิถีทางแห่งชีวิตทางหนึ่งให้เราตอบรับความรักของพระเจ้าได้
13. วัตถุนิยม คือ การเชื่อว่า หากปราศจากทรัพย์สมบัติแล้วชีวิตก็ไร้ความหมาย ชายหนุ่มผู้ร่ำรวยคนนั้นก็เป็นผู้ที่มีความเชื่อเช่นนั้น
14. ดังนั้น ให้เราภาวนาว่า พระเจ้าได้ประทาน ปรีชาญาณ พระพรต่างๆ มากกว่า ลิงตัวนั้นในการที่เราจะละทิ้งทรัพย์สมบัติในรูปแบบต่างๆ ได้
15. “มนุษย์จะได้ประโยชน์อันใดในการที่จะได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิต”
1 ความคิดเห็น:
ลูกเป็นเหมือนลิงตัวนั้นจริงๆ
แสดงความคิดเห็น