• เด็กชายคนหนึ่งก็ไปเรียนคำสอนที่วัดในวันอาทิตย์ เมื่อเรียนเสร็จแม่ก็ไปรับ ระหว่างทางที่กำลังนั่งในรถนั้นเอง เขาก็บอกแม่ว่า “เรื่องโมเสสและผู้คนที่ข้ามทะเลแดงมีบางสิ่งบางอย่างครับแม่” “ไหนบอกแม่มาซิ”
• "เมื่อชาวยิวได้รับอนุญาตให้ออกจากแผ่นดินอียิปต์แล้ว แต่กษัตริย์ฟาโรห์และกองทัพก็ยังไล่ตามพวกชาวยิวไป ชาวยิวก็เลยวิ่งหนีให้เร็วที่สุด จนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทะเลแดง กองทัพของกษัตริย์ก็ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา โมเสสก็เลยใช้วิทยุสื่อสารไปบอกกองทัพอากาศอิสราแอลให้ส่งเครื่องรบมาบอมบ์พวกอียิปต์ และในขณะนั้นเอง กองทัพเรือของอิสราแอลก็สร้างแพเพื่อให้ชาวยิวได้เดินข้ามทะเลแดงไปได้”
• แม่ก็ช๊อคไปเลยแล้วจึงถามลูกชายว่า “นี่เขาสอนลูกอย่างนี้หรือ?” "ก็ไม่เชิงครับแม่" ลูกชายตอบ"แต่ถ้าผมเล่าแบบที่เขาเล่ามา แม่ก็ไม่เชื่อผมอยู่ดีนั่นแหละ”
• เด็กน้อยคนนี้คิดแบบเด็กๆ และอาจไม่เชื่อในเรื่องอัศจรรย์ใดใดและไม่มีที่ว่างสำหรับความจริงทางจิตวิญญาณ ทางด้านจิตใจ.
• ในพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ เรื่องราวของการเลี้ยงคน 5 พันคน น.ยอห์น อ้างถึงชื่อของศิษย์ 2 คนคือ ฟิลิปและอันดรูว์ ศิษย์สองคนนี้สามารถเป็นตัวแทนของ ความเชื่อในสองรูปแบบ
• ฟิลิป เป็นตัวแทนของ ความเชื่อแบบจับต้องได้ *อันดรูว์เป็นตัวแทนของความเชื่อแบบเหนือธรรมชาติ ทำให้อันดรูว์มีที่ว่างสำหรับอัศจรรย์ต่างๆและทำให้อัศจรรย์นั้นเป็นไปได้
•
พระเยซูและบรรดาศิษย์ของพระองค์ได้พบกับปัญหา ฝูงชนจำนวนมากติดตามพระองค์ ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พระเยซูจึงหันไปหาฟิลิปและถามว่า “พวกเราจะไปซื้อขนมปังที่ไหนให้คนเหล่านี้กิน? (John 6:5). เราจึงตั้งคำถามว่า ทำไมพระเยซูจึงหันไปหาฟิลิปและทำไมจึงถามเรื่องการไปซื้อขนมปัง? บางทีพระเยซูอาจรู้ว่า ในจิตใจของฟิลิปนั้น ไม่อาจรับเรื่องที่ว่า จะเลี้ยงคนจำนวนมากมายนั้นได้อย่างไร? ยกเว้นแต่ต้องอาศัยเงิน? และนี้คือสิ่งที่ น.ยอห์นได้เพิ่มเติมเข้าไปว่า "พระองค์ตรัสดังนี้เพื่อทดลองใจเขา” (ข้อที่ 6). คำตอบของฟิลิปแสดงให้เห็นถึงการคำนวนเพียงแต่ตัวเลข คำนวนแต่ทางด้านวัตถุเท่านั้น "ขนมปังสองร้อยเหรียญแจกให้คนละนิดก็ไม่พอ”(ข้อที่7). แต่พระเยซูเจ้าทรงรู้ดีว่าพระองค์ทำอะไร พระองค์ถามคำถามเช่นนี้ เพื่อปลุกความคิดเรื่องเกี่ยวกับวัตถุแต่เพียงอย่างเดียวของฟิลิป
•
สำหรับอันดรูว์ ความเชื่อสำคัญกว่า พูดขึ้นมาว่า "เด็กคนหนึ่งที่นี่มีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว” (ข้อ 9). อันดรูว์รู้ดีว่า ขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวไปสิ่งที่ไม่มีค่าอะไรเลย ต่อหน้าจำนวน 5000คน นับเฉพาะชาย ยังไม่รวมผู้หญิงและเด็ก
•
แต่อันดรูว์มีความเชื่อเพียงพอที่จะเห็นว่า ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว เพียงพอสำหรับการเริ่มต้น. บางทีอันดรูว์อาจจะอ้างถึงปลา 2 ตัวกับขนมปัง เพราะท่านจำได้ว่า ที่งานเลี้ยงแต่งงานที่เมืองคานา พระเยซูยังเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นได้เลย ท่านจำได้ว่า พระเยซูมิได้ทำเปลี่ยนน้ำเป็ฯเหล้าจากความว่างเปล่า แต่ทำอัศจรรย์จากบางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่ และเป็นหน้าที่ของบรรดาศิษย์ที่จะต้องเป็นผู้จัดหาสิ่งธรรมดาๆ เพื่อพระเยซูเจ้าจะได้ทรงทำอัศจรรย์ได้ เหมือนอย่างการเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น, หรือขนมปังที่จะเลี้ยงคนจำนวนมากๆ
•
ดังนั้น ความเชื่อไม่ได้หมายความว่า เราไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วก็มองไปที่สวรรค์เพียงอย่างเดียว แทนที่จะทำอย่างนั้น เราต้องเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แม้เป็นเพียงแค่ ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว แต่ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ อัศจรรย์คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน
• อัศจรรย์ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทำเพื่อเรา แต่พระองค์ทรงทำร่วมกับเราด้วย
• เฮนรี่ ฟอร์ด เคยกล่าวไว้ว่า "ไม่ว่าคุณจะคิดว่าจะทำได้หรือทำไม่ได้ คุณก็ถูกเสมอ"
• เช่นกันเราอาจจะบอกได้ว่า ไม่ว่าคุณจะเชื่อในอัศจรรย์หรือไม่ก็ตาม ผู้ที่มีความเชื่อก็สามารถทำให้เกิดอัศจรรย์ในชีวิตของเราได้เสมอ
•
ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อ ก็ปิดโอกาสของตัวเองที่จะมีประสบการณ์เกี่ยวอัศจรรย์ต่างๆ ดังเช่นที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสไว้เสมอๆ ว่า “จงเป็นไปตามที่ท่านเชื่อเถิด” (Matthew 9:29)
•
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณคพ. ที่กลับมาอีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น