อาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2008
ครูใหญ่โทรศัพท์ไปบ้านของครูคนหนึ่งเพื่อดูว่า ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่โรงเรียน มีเสียงเด็กเล็กๆ เป็นคนรับสาย “Hello?”
“พ่อของเธออยู่ไหม” ครูใหญ่ถาม“อยู่ครับ” เด็กกระซิบเบา“ขอคุยหน่อยได้หรือเปล่า” ครูใหญ่ถามต่อ“ไม่ได้ครับ” เด็กตอบ“แล้วแม่อยู่ด้วยหรือเปล่า” ครูใหญ่ถามต่อ“อยู่ครับ” “ขอคุยได้เปล่า”เด็กน้อยตอบอีกว่า “ไม่ได้ครับ”“เอาหล่ะ แล้วมีใครอยู่ใกล้ๆบ้างหรือเปล่า?”“มีครับ” เด็กกระซิบตอบ “มีตำรวจครับ”“มีตำรวจเหรอ งั้นขอคุยกับตำรวจได้เปล่า?”“ไม่ได้ครับ เขากำลังยุ่งอยู่”เด็กกระซิบต่อ“ทำอะไรยุ่งอยู่เหรอ” ครูใหญ่ถาม“ก็กำลังคุยกับพ่อผม แม่ผมแล้วก็พนักงานดับเพลิงครับ” came the child’s answer.“พนักงานดับเพลิงเหรอ? มีนั่นมีไฟใหม้บ้านหรือไฟใหม้อะไรเหรอเปล่า?” asked the worried man.“ไม่มีครับ” whispered the child.“อ้าว แล้วตำรวจกับพนักงานดับเพลิงมาทำอะไรที่นั่นหละ”เด็กจึงค่อยกระซิบตอบว่า “พวกเขากำลังหาตัวผมอยู่ครับ”
“พ่อของเธออยู่ไหม” ครูใหญ่ถาม“อยู่ครับ” เด็กกระซิบเบา“ขอคุยหน่อยได้หรือเปล่า” ครูใหญ่ถามต่อ“ไม่ได้ครับ” เด็กตอบ“แล้วแม่อยู่ด้วยหรือเปล่า” ครูใหญ่ถามต่อ“อยู่ครับ” “ขอคุยได้เปล่า”เด็กน้อยตอบอีกว่า “ไม่ได้ครับ”“เอาหล่ะ แล้วมีใครอยู่ใกล้ๆบ้างหรือเปล่า?”“มีครับ” เด็กกระซิบตอบ “มีตำรวจครับ”“มีตำรวจเหรอ งั้นขอคุยกับตำรวจได้เปล่า?”“ไม่ได้ครับ เขากำลังยุ่งอยู่”เด็กกระซิบต่อ“ทำอะไรยุ่งอยู่เหรอ” ครูใหญ่ถาม“ก็กำลังคุยกับพ่อผม แม่ผมแล้วก็พนักงานดับเพลิงครับ” came the child’s answer.“พนักงานดับเพลิงเหรอ? มีนั่นมีไฟใหม้บ้านหรือไฟใหม้อะไรเหรอเปล่า?” asked the worried man.“ไม่มีครับ” whispered the child.“อ้าว แล้วตำรวจกับพนักงานดับเพลิงมาทำอะไรที่นั่นหละ”เด็กจึงค่อยกระซิบตอบว่า “พวกเขากำลังหาตัวผมอยู่ครับ”
พี่น้องครับ เป็นเรื่องยากมากๆ สำหรับหน่วยกู้ภัยที่จะแสวงหาเด็กคนนี้ ตราบใดที่เด็กคนนี้ยังซ่อนตัวอยู่ ในพระวาจาวันนี้ ยอห์น บัปติสได้ร้องเรียกให้ผู้คนในแคว้นยูเดีย ออกมาจากทะเลทรายเพื่อให้พระเจ้าได้พบพวกเขา
การมีประสบการณ์ในทะเลทราย หมายถึงการทิ้งสิ่งต่างๆ ไว้เบื้องหลัง ทิ้งสาระต่างๆ ของชีวิต เช่น ชีวิตการทำงาน, ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือชีวิตประจำวันในชีวิตนักบวช พระเจ้าไม่สามารถทำอะไรกับเราได้มากนัก หากเรายังหวังและวางใจในสิ่งต่างๆ ของโลกนี้ และเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้สามารถให้ความหมายกับชีวิตของเราได้ หากหัวใจของเราไม่มีที่ว่าง ก็ไม่มีใครเขามาในหัวใจของเราได้ แม้แต่พระเจ้า
ในพระคัมภีร์ ทะเลทรายยังหมายถึงที่ที่เราสามารถพบกับพระเจ้าได้ ชาวอิสราเอลเดินทาง 40 ปีในทะเลทรายได้พบพระเจ้าและเรียนรู้หนทางของพระเจ้าในทะเลทราย และในทะเลทรายนั้นเอง พวกเขาได้กลายเป็นประชากรของพระเจ้า และพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา แต่ประการแรกก็คือ พวกเขาต้องเลิกคิดถึงสิ่งดีดีในชีวิตทั้งหมดที่ได้รับในประเทศอียิปต์เสียก่อน “เราระลึกถึงปลาที่เราเคยกินในอียิปต์โดยไม่ต้องซื้อ ทั้งแตงกวา แตงโม กระเทียมจีน หอมใหญ่ หัวกระเทียม” (กดว 11:5). พระเยซูเจ้าเอง ก่อนที่พระองค์จะเริ่มภารกิจของพระบิดา พระองค์ใช้เวลา 40 วัน 40 คืนในทะเลทราย(ความหมายของเลย 40 ในพระคัมภีร์= มากมาย) เป็นเวลาสำหรับการแสวงหาและสร้างความสนิทสัมพันธ์กับพระบิดาอย่างลึกซึ้ง การเรียกผู้คนไปสู่ทะเลทรายของยอห์น หมายความว่า ให้พวกเขาละทิ้งความหวังทั้งหมด หรือ ความปลอดภัยในชีวิตทั้งหมด และเรียนรู้ที่จะหวังและวางใจในพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
ยอห์น เจริญชีวิตในสิ่งที่เขาสอน วิถีชีวิต,การแต่งตัว,อาหารการกิน, แสดงให้เห็นว่า ความหมายของชีวิตนั้นมิได้อยู่ที่สิ่งของภายนอก แต่อยู่ที่ชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า ชีวิตสมถะ ไม่ต้องมีอะไรสะดวกสบายนัก ไม่ต้องกังวลกับชีวิตในสังคม แต่มีหัวใจที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า
การเข้าสู่ทะเลทรายเป็นขั้นแรกของการกลับใจที่แท้จริง คือ การยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างและเอาชีวิตของตนมาวางต่อหน้าพระเจ้า เพื่อให้พระองค์พบเห็นเราได้ง่ายที่สุด นั่นคือ การกลับใจ
พี่น้องครับ ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จนี้ พระศาสนจักรเตือนใจเราให้ฟังเสียงของ ยอห์น บัปติสต์ เพื่อเป็นทุกข์ กลับใจ ใช้โทษบาป เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมน้อมรับพระผู้ทรงเสด็จมา เป็นโอกาสดีที่เราจะได้มอบชีวิตของเราทั้งหมดให้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสร้างเราขึ้นมาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ เมื่อเราได้ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว เราก็มีที่ว่างให้พระเจ้าในชีวิตของเรา และเราได้พบหนทางที่แท้จริงของการกลับใจ ผ่านทางแบบฉบับของท่านยอห์น บัปติสต์ด้วย
ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่ท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น