วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สมโภชพระคริสตสมภพ 2008


บทเทศน์วันคริสตมาส[1]


พี่น้องที่รัก ในวันคริสตมาส สิ่งที่เราทุกคนให้ความสนใจก็คือ การบังเกิดของพระเยซูเจ้าในคอกสัตว์ที่เมืองเบธเลแฮม เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทั่วโลกก็ระลึกถึงเหตุการณ์นี้อยู่ ดวงดาวที่นำพญาสามองค์ไป ไม่ได้หยุดที่พระราชวัง แต่มาหยุดอยู่ที่คอกสัตว์

พี่น้องรู้สึกแปลกใจบ้างหรือไม่ว่า ทำไมพระเจ้าจึงได้เลือกที่จะเกิดในคอกสัตว์ พระเจ้ามาอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถช่วยอะไรใครได้และอยู่กับพ่อแม่ที่ยากจน ห่างไกลจากบ้านเกิด และสุดท้ายต้องอพยพหนีไปประเทศอียิปต์ พระองค์เลือกเกิดในที่ที่เงียบเหงา,ไม่มีแสงไฟสว่างไสว ห่างไกลจากพระราชวังและความร่ำรวยใดใด สิ่งที่สะท้อนในเรื่องนี้คือ พระบุตรพระเจ้าได้เปลี่ยนมุมมองของโลกในเรื่อง ชื่อเสียงและความสำเร็จ

คนกลุ่มแรกที่มีส่วนในการบังเกิดของพระเยซูก็คือ คนเลี้ยงสัตว์, บรรดาสัตว์ต่างๆ ที่ล้อมรอบพระองค์ในค่ำคืนนั้น (ไม่มีชื่อเสียง+ไม่มีความสำเร็จใดใด)

พี่น้องครับ สิ่งต่างๆ เหล่านี้รับประกันกับเราได้เลยว่า พระคริสตเจ้าเป็นของคนธรรมดาๆ อย่างเราๆ พระองค์ทรงเลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกับเรา อยู่ข้างคนที่อาจรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอและถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคม

พี่น้องครับ การฉลองในวันนี้เป็นมากกว่าการฉลองที่เราระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 2000 ปีที่แล้ว เพราะมันเตือนเราว่า พระเจ้ารักเรามากๆๆๆ พระองค์จึงได้ส่งพระบุตรมาอยู่ท่ามกลางเราเพื่อช่วยเรา เพื่ออภัยบาปของเราและบอกเราถึงหนทางกลับไปหาพระบิดา

พระเยซูเจ้าเป็นผู้ที่ทำให้เรามนุษย์ผู้อ่อนแอได้กลายเป็นลูกของพระเจ้า ลงมาหาเราในสภาพของทารกตัวน้อยๆ และทำให้เรารู้สึกถึง “ความรัก” มากกว่า “ความกลัว”

พี่น้องครับ ปีนี้พ่อได้เลือกเอาคำว่า “พระเจ้ารักเราทุกคน” ติดไว้ที่นี้ เพราะพ่อได้อ่านพระคัมภีร์และพบคำต่างๆมากมาย พยายามค้นหาว่า มีคำไหนที่จะชัดเจนเพื่อจะได้บอกกับพี่น้องในวันคริตมาสนี้ และพ่อได้พบคำคำนี้ ซึ่งจริงๆ แล้ว เราเองคงได้พบคำคำนี้ในชีวิตของเราทุกๆวัน และพ่อหวังเช่นนั้น

พี่น้องครับ วันคริสตมาสไม่ใช่วันที่เรามองดูว่า พระเยซูเจ้ามาเกิดอยู่ท่ามกลางเราเท่านั้น แต่เราต้องดูว่า เราต้องทำสิ่งใดเพื่อแสดงออกว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพระเจ้า นั่นหมายความว่า เราจำเป็นต้องทำชีวิตของเราให้เป็นเครื่องหมายแห่งความรัก โดยเฉพาะเวลาที่เราปฏิบัติต่อเพื่อนพี่น้องของเรา
พี่น้องครับ พ่อขอเชิญชวนเราทุกคนเป็นพิเศษ คริสตมาสนี้ เรานั่งลง รำพึง ไตร่ตรองดูว่า ตลอดปีที่ผ่านมา เราเคยปิดประตูหัวใจไม่ต้อนรับพระเยซูบ้างหรือไม่? ชีวิตของเรานั้นได้พยายามปฏิบัติต่อกันและกันเป็นอย่างไร? และหากเรายังปฏิบัติในเรื่องต่างๆเหล่านี้น้อยไป ก็เป็นข้อตั้งใจดีของเรา ที่เราจะให้ความรักต่อกันและกันมากขึ้นในปีใหม่นี้ ลูกจะเป็นลูกที่ดีของพระมากขึ้น จะตั้งใจช่วยเหลือกันและกันมากขึ้น เพราะว่า ความสุขและสันติที่แท้จริงนั้นมาจากข้างใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระเจ้าได้มาบังเกิดในหัวใจของเรา

ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน


[1] คพ.พรชัย วิลาลัย , บทเทศน์โอกาสฉลองคริสตมาส ปี 2005 ณ วัดพระมารดานิจจานุเคราะห์ กรุงเทพฯ



เสียงต่างๆ ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้เกิดขึ้นรอบวัดของเรา
ในวันคริสตมาส[1]



ใกล้ถึงวันคริสตมาสอีกแล้ว ตื่นเต้น ! ตื่นเต้น ! . . . ไชโย คริสตมาสอีกแล้ว ดีใจจังเลย . . .อย่าลืมเตรียมปาก ท้องและตังค์อีก 5 บาทด้วยนะ . . . ปีนี้งบตกแต่งสถานที่ ทำไมสูงตั้งเป็นหมื่น . . . เขาต้องรวมค่าใช้จ่ายเรื่องแสงและ เสียงด้วยนะ . . .โป๊ก ! โป๊ก! โป๊ก !
ฉากนี้ต้องแขวนให้สูงหน่อย . . . นี่เป็นการซ้อมครั้งสุดท้าย แล้วนะ จริงจังกันหน่อย . . . นี่เธอจะไปร้องเพลงตามบ้านกับ เขาจริง ๆ หรือ . . . สุขสันต์วันคริสตมาส . . . ชาวโลกทั้งหลาย ชื่นใจยินดี มีพระราชา ประสูติ . . . เมอร์รี่คริสตมาส ครับ
ไปดูเข่งใบนั้นดีกว่า อยู่ใกล้ๆ อาสนวิหาร (.....................)ซะด้วย . . . ดูซีมี ของเต็มไปหมดเลย คุ้ยเร็ว . . . ว้า ! มีแต่กระดาษและ เศษขยะทั้งนั้น . . . เฮ้ย ลองคุ้ยลึก ๆ อีก เผื่อเจอเศษอาหารอยู่ข้างล่างบ้าง . . . รีบหน่อยพี่ หนูหนาวจัง . . . นั่นไงเจอแล้ว อาหารเพียบ . . . อ้วก . . . เหม็น . . . ใช่ อาหารเหม็นบูดหมดเลย . . . ทำไมพวกเค้าไม่เก็บไว้ให้เราบ้างนะ . . . ถ้าพวกเค้าเอาตังค์ ที่ซื้อกระดาษ ไปซื้อเสื้อให้เราก็ดี . . . ใช่ซี เราคงไม่ต้องหิว และหนาวอย่างนี้ . . . นี่ เธออย่าโง่ไปหน่อยเลย วันคริสตมาส ใครเขาจะมาคิดถึงเรา เขาคิดถึงพระเจ้าต่างหาก . . . การเอาตังค์ ไปซื้อของแพง ๆ มาติด มาปะ แล้วก็ฉีกทิ้งในวันต่อมา กินอาหาร ก็กินทิ้งกินขว้าง เนี่ย . . . นะ . . . คิดถึงพระเจ้า . . . แน่นอน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ทำกันทุกปีหรอก . . . พระเจ้าคงชมเชย พวกเขามากซีนะ . . . โธ่เอ๊ย ! วัดอะไรกันเนี่ย ไม่เห็นได้เรื่อง กองขยะยังมีความหวังมากกว่าอีก
********************************
[1] จากอินเตอร์เน็ต , จำที่มาไม่ได้

“คริสตมาสอีกแล้ว”




“คริสตมาสอีกแล้ว”[1]


ทำไมต้องพูดว่า "อีกแล้ว ?" ก็เพราะว่านี่เป็นเรื่องที่เคยพูดกันมาหลายครั้งแล้ว !
ใช่ครับ ! เรื่องคริสตมาสนี้ ได้รับการเล่าขานมาไม่น้อยกว่า 2000 ปีแล้ว !
แล้วทำไมยังเล่ากันต่อมานะหรือครับ ?
ก็เพราะว่า นี่เป็นเรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยายเสียอีก !
คุณเคยอ่านเรื่อง "คริสตมาส" นี้มาก่อนไหมครับ ?
ถึงจะเคยอ่านหรือเคยฟังมาแล้ว แต่ลองอ่านหรือฟังดูอีกสักครั้งสิครับว่าเหมือนกันหรือแตกต่างกัน !

เรื่องมีอยู่ว่า ...
แรกเดิมที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์อย่างคุณกับผมขึ้นมาพระองค์ทรงประสงค์จะให้มนุษย์อย่างเราอยู่ดีมีสุข อยู่ในสวนสวรรค์ที่เรียกว่า สวนเอเดน ! แต่มนุษย์ผู้เป็นบรรพบุรุษของเราไปทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ !
ทั้ง ๆ ที่พระเจ้าทรงให้มนุษย์อยู่ในสวนฟรี ๆ ให้มีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนเล่นมากมาย ให้มีคู่ครองอยู่เคียงข้าง ให้มีน้ำ พืช ผัก ผลไม้ เป็นอาหารไม่ขาด พูดง่าย ๆ ก็คือ พระเจ้าให้ทุกอย่างที่จำเป็น ไม่ขาดสิ่งใดเลย ! เพียงแต่พระองค์ขอข้อเดียวเท่านั้น คือ "อย่าแตะต้องผลไม้ของต้นไม้ต้นหนึ่ง"
น่าคิดนะครับ ต้นไม้เป็นพันเป็นหมื่นต้น ยกเว้นเพียงผลของต้นเดียว อย่ากิน ! แต่สุดท้าย ก็เข้าทำนอง "กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา"
มนุษย์คู่แรกในสวนเอเดนได้ทำลายมิตรภาพ และความไว้วางใจของพระเจ้าไปเสียสิ้น ! ใช่ครับ ! ทั้งอาดัม เอวา พร้อมกันทรยศพระเจ้า ด้วยการกินผลไม้ต้องห้ามนั้น !
ผลคือ ทั้งสองถูกขับออกจากสวนเอเดนที่เรียกว่า "สวนบรมสุขเกษม"
ไปอย่างน่าเสียดาย !
จากนั้น ก็ไม่เคยมีใครได้เข้าไปในสวนสวรรค์นั้นเลย !

วันเวลาผ่านไปนานแสนนาน จนถึงกำหนดเวลาที่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ทรงเห็นว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงช่วย มนุษย์จะไม่มีทางได้กลับเข้าสู่สรวงสวรรค์เลย
ดังนั้นเอง พระองค์จึงได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์ลงมาในโลกนี้ เพื่อเริ่มต้นขบวนการกู้ชีวิตมนุษย์ ให้ไปสู่สวรรค์ ที่เรียกว่า "Mission Impossible" ขนานแท้ !
เพราะไม่มีมนุษย์คนใด หน้าไหนจะทำได้
จะมีก็แต่พระเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น !

พระเจ้าองค์สูงสุดจึงทรงถ่อมพระทัย ด้วยพระเมตตากรุณาเสด็จลงมาจากฟากฟ้าสู่แดนดินในสภาพทารกน้อย ดังที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลอันยิ่งใหญ่ว่า...

"แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาประสูติจากสตรีเพศ และทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร" (กาลาเทีย 4:4-5)

ในที่สุด ... พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าได้ทรงเข้ามาในโลก โดยใช้นามว่า "เยซู" ซึ่งแปลว่า "ผู้ช่วยให้รอด" ส่วนสมญานามหรือตำแหน่งของพระองค์ คือ "คริสต์" ซึ่งแปลว่า "ผู้ที่ได้รับการเจิมแต่งตั้ง"
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเรียกพระนามของพระบุตรของพระเจ้าเต็มชื่อ เต็มยศ ก็จะเรียกว่า "พระเยซูคริสต์ !"

วันหรือเทศกาลที่พระองค์มาประสูติ ก็เรียกเป็นชื่อไทย ๆ ว่า วันหรือเทศกาล "คริสตสมภพ" แต่ที่คุ้น ๆ หูกันหน่อย ก็คือ "คริสตมาส" คำนี้อาจจะตีความได้ 2 แบบ
1. แบบไทย ๆ ก็พูดว่า "คริสตมาส" หมายถึง ช่วงเวลาที่พระคริสต์มาบังเกิด ! เพราะมาจากคำว่า ... "คริสต + มาส (เดือน)"
2. แต่ถ้าตีความแบบสากลหน่อย ก็ต้องบอกว่า "คริสตมาส" มาจากคำว่า "CHRISTMAS" หมายถึง "พิธีระลึกถึงการที่พระคริสต์เสด็จมาประสูติ"
เพราะคำว่า "มาส" (mas) นี้มาจากคำว่า "Mass" (แมส หรือ มิซซา) ซึ่งหมายถึง "พิธีเฉลิมฉลองเพื่อขอบคุณพระเจ้า"
ดังนั้น "Christmas" จึงมีความหมายว่า
"การเฉลิมฉลองเพื่อขอบคุณพระเจ้า สำหรับการที่พระเยซูคริสต์ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ (เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด) !"
ช่างน่าตื่นเต้น และน่ายินดีเหลือเกิน ที่มนุษย์อย่างคุณและผมได้รับความสนพระทัย และพระเมตตาคุณจากพระเจ้าอย่างสุงสุดในวัน "คริสตมาส" นี้ นั่นคือ
"พระบุตรพระเจ้าผู้สูงสุดได้ลงมาบังเกิดเป็นบุตรของมนุษย์ผู้ต่ำต้อย เพื่อทำให้บุตรของมนุษย์ผู้ต่ำต้อยอย่างเราได้กลับกลายเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด ! " เหมือนกับที่ทูตสวรรค์ลงมาแจ้งข่าวดีนี้ในคืนวันคริสตมาสแรกของโลก ...
"อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังพวกท่าน เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาถึงคนทั้งหลาย เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองดาวิด" (ลูกา 2:10-11)

คุณก็เช่นกัน ไม่ว่าคุณกำลังประสบกับเคราะห์กรรมใดในชีวิต หรือมีชีวิตที่ไร้ความหมาย วันนี้ พระคริสต์เจ้าจากฟ้าสวรรค์ จะนำความหมาย และความรอดมาสู่ชีวิตของ ! เพียงแค่คุณทูลกับพระองค์ด้วยความจริงใจว่า ... "พระเยซูคริสต์เจ้า ขอเข้ามาในใจของข้าพเจ้าด้วย !"
คุณจะพบกับความอัศจรรย์ของ "คริสตมาส" ในชีวิตของคุณ ! ในชีวิตของคุณ ! แล้วคุณจะลังเลอยู่ทำไมล่ะ ? ลองดูสิครับ !

*****************************
[1] อ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ , http://www.geocities.com/thirayost2/web_biblestory/chrismas4.html

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ส.4 เตรียมรับเสด็จฯ ปี B







วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2008


1. ที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งทุกคนกำลังเตรียมละครวันคริสตมาส เด็กเล็กๆ คนหนึ่งรู้สึกไม่ชอบบทบาทที่เธอได้รับ จึงอยากจะเปลี่ยนบทกับเพื่อนของเธอ คุณครูก็เลยถามว่า ทำไมจึงอยากเปลี่ยนบทกับเพื่อน เด็กน้อยตอบว่า “ก็เพราะว่า เป็นเทวดานั้นมันง่ายกว่าเป็นแม่พระตั้งเยอะ”

2. พี่น้องครับ เด็กน้อยคนนั้นพูดถูกที่ว่า การเป็นแม่ของพระคริสต์ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ตรงข้ามกลับเป็นเรื่องยากยิ่งนัก พ่อเชื่อว่า พระเยซูไม่ได้อยากเกิดที่เบ็ธเลแฮมเลย สถานที่ที่พระองค์อยากที่จะลงมาบังเกิดมากที่สุดก็คือ ในหัวใจของเราทุกคน

3. แม่ของพระคริสต์หมายถึงแม่พระเสมอ แต่ชื่อมารีย์ มารดาของพระคริสตเจ้าก็มีสองความหมาย แม่พระเป็นของพระคริสต์ฝ่ายร่างกาย ที่รับพระเยซูในพระครรภ์ของพระนางและให้กำเนิดพระองค์ เป็นภาระหน้าที่สูงสุดที่แม่พระได้รับ คนอื่นทำแทนไม่ได้ และในอีกความหมายหนึ่งก็คือ แม่พระเป็นแม่ของพระคริสต์ฝ่ายวิญญาณด้วย บทบาทนี้เป็นบทบาทที่ใช้ได้กับเราคริสตชนทุกคน เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นชายหญิงหรือเด็กๆ เราสามารถเป็นเหมือนแม่พระ และควรที่จะเป็นเหมือนแม่พระด้วย

4. 46ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสกับประชาชนอยู่นั้น มารดาและพี่น้องของพระองค์ มายืนอยู่ข้างนอก ต้องการจะพูดกับพระองค์ (47)48พระองค์จึงทรงตอบผู้ที่มาทูลนั้นว่า ‘ใครเป็นมารดา? ใครเป็นพี่น้องของเรา?’ 49แล้วทรงยื่นพระหัตถ์ชี้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า ‘นี่คือมารดาและพี่น้องของเรา 50เพราะผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา’ (Matthew 12:46-50)

5. นั่นแสดงว่า 1) พระเยซูคาดหวังว่า เราทุกคนไม่ใช่แค่เป็นพี่น้องชายหญิงเท่านั้น แต่ต้องเป็นเหมือนแม่พระด้วย (2) หนทางที่จะเป็นเหมือนแม่พระก็คือ เป็นผู้ที่ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้านั่นเอง แม่พระตอบรับต่อพระเจ้า และถ้าพระเจ้าเสด็จมาหาเราเวลานี้เพื่อบอกให้เราทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับที่บอกแม่พระ เราจะสามารถตอบรับเช่นเดียวกับที่แม่พระตอบต่อทูตสวรรค์ไหม??

6. หลายๆ ครั้งในชีวิตของเรา การเป็นเหมือนกับแม่พระได้ เราคงต้องสวดเหมือนแม่พระว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ จงเป็นไปแก่ข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (Luke 1:38).

7. เป็นบทภาวนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะได้นำพระเจ้าจากสวรรค์มาสู่จิตวิญญาณและร่างกายของหญิงธรรมดาคนหนึ่ง เป็นบทภาวนาที่นำความยิ่งใหญ่มาสู่มนุษย์ทุกคน พระเจ้ามาเป็นมนุษย์ในองค์พระเยซู

8. เป็นบทภาวนาที่เปลี่ยนโลกตลอดกาล ตลอด 2000 ปีที่ผ่านมา โลกกำลังบอกว่า “ขอให้ความตั้งใจของฉัน จงสำเร็จไป” แต่แม่พระบอกว่า “ขอให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จไป”

9. แน่นอนว่า ไม่ง่ายในการเป็นแม่ของพระคริสตเจ้า แต่วันนี้ แม่พระแสดงให้เราเห็นว่าจะเป็นได้นั้นต้องทำอย่างไร นั่นคือ การฟังเสียงของพระเจ้าและตอบรับกับพระเจ้า แม้ว่าบางครั้งบางอย่างที่เป็นแผนการณ์ของพระเจ้านั้น จะดูขัดกับแผนการของตัวเราเอง

10. พี่น้องครับ อีก 2-3 วันก็คริสตมาสแล้ว แม่พระเตือนใจเราว่า คริสตมาสที่ดีที่สุด มิใช่ที่เบ๊ธเลแฮม แต่ในส่วนลึกสุดของหัวใจของเรานั่นเอง

11. ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน

วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ส. 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ปี B



อาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2008



สิ่งที่ถือว่า คริสตชนเราละเลยในการปฏิบัติมากที่สุด ก็คือ การชื่นชมยินดี พระวาจาของพระเจ้าสอนเราให้ชื่นชมยินดี ให้มีความเชื่อและความรัก คำสั่งของพระเจ้าคือให้เราชื่นชมยินดี และใน ส.3 ของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ พระศาสนจักรก็เตือนใจเราให้ระลึกถึงสิ่งที่เราหลงลืมไปนี้เป็นพิเศษ


· พี่น้องครับ ส.3 ของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ ถูกเรียกว่า “Guadete Sunday” Guadete เป็นภาษาลาตินแปลว่า “ความยินดี” เป็นพระวาจาที่นำมาจากจดหมายของ น.เปาโลถึงชาวเธสะโลนิกา ซึ่งเป็นบทอ่านที่สองในวันนี้ “พี่น้อง จงร่าเริงยินดีเสมอ” เป็นคำสั่งที่เป็นแง่บวก ทุกที่ทุกเวลาร่าเริงเสมอ ไม่ได้เป็นเงื่อนไขว่า ให้เราเก็บความยินดีไว้เฉพาะเวลาที่เรากำลังดีดีอยู่เท่านั้น


· พี่น้องครับ มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง วันหนึ่งพ่อกลับจากที่ทำงานและประกาศว่า พ่อได้ทำเงินหายไปหมดแล้วเพราะหุ้นส่วนได้ต้มพ่อไปหมดและหนีไปกับเงินทั้งหมด และในเย็นวันนั้นเอง ผู้เป็นแม่ก็ออกไปและได้ขายเครื่องประดับราคาแพงของเธอและซื้ออาหารสำหรับมื้ออาหารที่หรูหรา ผู้คนก็วิพากษ์วิจารณ์เธอถึงความบ้าระห่ำในสถานการณ์เช่นนี้ ในเวลาที่ครอบครัวกำลังลำบาก แต่ผู้เป็นแม่ก็บอกกับทุกๆคนว่า “ช่วงเวลาแห่งความยินดีก็คือเวลานี้แหละ คือ เมื่อเวลาที่เราต้องการมันมากที่สุด ไม่ใช่ในอนาคตหรืออาทิตย์หน้า!!” ความกล้าหาญของแม่คนนี้ที่ทำให้ครอบครัวของเธอมีความสุขและมีความหวังเพื่อเผชิญหน้ากับอนาคตด้วยความมั่นใจและวางใจในพระเจ้าว่า พระองค์จะประทานทุกสิ่งให้


· พี่น้องครับ วันนี้ น.เปาโลให้บอกกับเราว่า เราต้องทำมันตลอดเวลา “จงร่าเริงยินดีเสมอ จงอธิษฐานภาวนาอย่างสม่ำเสมอ จงขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี เพราะพระองค์ทรงปรารถนาให้ท่านทำสิ่งเหล่านี้ในพระคริสตเยซู” ทุกเวลา ทุกสถานการณ์เราต้องร่าเริงยินดี, สวดภาวนาและขอบพระคุณ น.เปาโลให้เพิ่งคำสั่งนี้เพื่อสะท้อนถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับผู้ที่จะติดตามพระเยซูเจ้า ในฐานะที่พี่น้องอยู่ในโลก พี่น้องรู้ดีว่า ชีวิตในโลกนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ (วันแต่งงาน) แต่ชีวิตหลังความตายนั้นจะเป็นความสุขสำราญ ความหวังของเราจึงไม่ได้อยู่ในชีวิตนี้เท่านั้น จึงเป็นเหตุผลท่า ทำไมเราคริสตตังค์จึงสามารถร่าเริงยินดีทั้งในเวลาที่มีความสุขและในเวลาที่มีความทุกข์ เหมือนอย่างที่พระเยซู


· พี่น้องครับ นอกจากนั้นแล้ว น.เปาโล ยังได้บอกถึงสิ่งที่เราไม่ควรทำ สิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง
“อย่าดับไฟของพระจิตเจ้า อย่าดูหมิ่นการประกาศพระวาจา จงทดสอบทุกสิ่งและยึดสิ่งที่ดีงามไว้ จงละเว้นความชั่วทุกรูปแบบ”


ท่านต้องไม่ขัดขวางการนำทางของพระจิตเจ้า ไม่ละทิ้งพระวาจาของพระ ละเว้นความชั่วทุกรูปแบบ น.เปาโลต้องการกระตุ้นเตือนเราและให้เราหล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายจิตที่อยู่ในตัวของเรา ในฐานะมนุษย์นั้น เรามีทั้งส่วนที่เป็นร่างกายและจิตใจ คริสตชนบางคนก็ให้ความสนใจอยู่กับเรื่องของสิ่งของและละเลยเรื่องของจิตวิญญาณ พี่น้องสามารถมองเห็นได้จาก การเตรียมสำหรับคริสตมาส เราสนใจเรื่องการประดับตกแต่งบ้านของเรามากกว่าการทำความสะอาดฝ่ายจิตใจ เราตระเตรียมของขวัญให้กับครอบครัวและเพื่อนๆ มากกว่า เตรียมของขวัญให้กับตัวเองซึ่งเราต้องเตรียมเพื่อพระเจ้า


· พี่น้องครับ เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นเวลาที่เราต้องเตรียมไม่เฉพาะฝ่ายร่างกายเท่านั้น แต่จิตใจก็สำคัญมากๆ ที่เราต้องเตรียมสำหรับการมาของคริสตเจ้า


· พี่น้องครับ ที่สุดแล้ว น.เปาโลบอกกับเราถึงวิธีการที่จะได้รับชีวิตพระ ไม่ใช่วิธีการที่เราจะได้รับโดยพลังของเรามนุษย์ แต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทำให้สำเร็จในเรา “ขอองค์พระเจ้าผู้ประทานสันติ บันดาลให้ท่านทั้งหลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์ ขอพระองค์ทรงคุ้มครองท่านให้พ้นคำตำหนิทั้งด้านจิตใจ วิญญาณและร่างกาย เมื่อพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมา พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ” ชีวิตสู่ความศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ น.เปาโล บอกกับเรานี้ว่า โอกาสเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้เป็นชีวิตของพระเจ้าที่มาอยู่กับเรา เป็นพระเจ้าเองที่ทรงทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพื่อให้เราตอบรับพระองค์ว่า “ตกลง” และยอมจำนนต่อพระองค์ทั้งหมดของชีวิตของเรา


· ชีวิตแห่งความร่าเริงยินดีเป็นสิ่งที่ยาก แต่พระเจ้าที่ทรงเรียกร้องเราให้ทำสิ่งนี้ในชีวิต พระองค์ทรงเป็นผู้ที่มอบสิ่งนี้ให้กับเรา พระองค์สัตย์ซื่อต่อเรา และพระองค์จะกระทำสิ่งต่างๆนี้ในชีวิตของเราแน่นอน


· อาแมน

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ส.2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B




อาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2008


ครูใหญ่โทรศัพท์ไปบ้านของครูคนหนึ่งเพื่อดูว่า ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่โรงเรียน มีเสียงเด็กเล็กๆ เป็นคนรับสาย “Hello?”
“พ่อของเธออยู่ไหม” ครูใหญ่ถาม“อยู่ครับ” เด็กกระซิบเบา“ขอคุยหน่อยได้หรือเปล่า” ครูใหญ่ถามต่อ“ไม่ได้ครับ” เด็กตอบ“แล้วแม่อยู่ด้วยหรือเปล่า” ครูใหญ่ถามต่อ“อยู่ครับ” “ขอคุยได้เปล่า”เด็กน้อยตอบอีกว่า “ไม่ได้ครับ”“เอาหล่ะ แล้วมีใครอยู่ใกล้ๆบ้างหรือเปล่า?”“มีครับ” เด็กกระซิบตอบ “มีตำรวจครับ”“มีตำรวจเหรอ งั้นขอคุยกับตำรวจได้เปล่า?”“ไม่ได้ครับ เขากำลังยุ่งอยู่”เด็กกระซิบต่อ“ทำอะไรยุ่งอยู่เหรอ” ครูใหญ่ถาม“ก็กำลังคุยกับพ่อผม แม่ผมแล้วก็พนักงานดับเพลิงครับ” came the child’s answer.“พนักงานดับเพลิงเหรอ? มีนั่นมีไฟใหม้บ้านหรือไฟใหม้อะไรเหรอเปล่า?” asked the worried man.“ไม่มีครับ” whispered the child.“อ้าว แล้วตำรวจกับพนักงานดับเพลิงมาทำอะไรที่นั่นหละ”เด็กจึงค่อยกระซิบตอบว่า “พวกเขากำลังหาตัวผมอยู่ครับ”


พี่น้องครับ เป็นเรื่องยากมากๆ สำหรับหน่วยกู้ภัยที่จะแสวงหาเด็กคนนี้ ตราบใดที่เด็กคนนี้ยังซ่อนตัวอยู่ ในพระวาจาวันนี้ ยอห์น บัปติสได้ร้องเรียกให้ผู้คนในแคว้นยูเดีย ออกมาจากทะเลทรายเพื่อให้พระเจ้าได้พบพวกเขา


การมีประสบการณ์ในทะเลทราย หมายถึงการทิ้งสิ่งต่างๆ ไว้เบื้องหลัง ทิ้งสาระต่างๆ ของชีวิต เช่น ชีวิตการทำงาน, ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือชีวิตประจำวันในชีวิตนักบวช พระเจ้าไม่สามารถทำอะไรกับเราได้มากนัก หากเรายังหวังและวางใจในสิ่งต่างๆ ของโลกนี้ และเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้สามารถให้ความหมายกับชีวิตของเราได้ หากหัวใจของเราไม่มีที่ว่าง ก็ไม่มีใครเขามาในหัวใจของเราได้ แม้แต่พระเจ้า


ในพระคัมภีร์ ทะเลทรายยังหมายถึงที่ที่เราสามารถพบกับพระเจ้าได้ ชาวอิสราเอลเดินทาง 40 ปีในทะเลทรายได้พบพระเจ้าและเรียนรู้หนทางของพระเจ้าในทะเลทราย และในทะเลทรายนั้นเอง พวกเขาได้กลายเป็นประชากรของพระเจ้า และพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา แต่ประการแรกก็คือ พวกเขาต้องเลิกคิดถึงสิ่งดีดีในชีวิตทั้งหมดที่ได้รับในประเทศอียิปต์เสียก่อน “เราระลึกถึงปลาที่เราเคยกินในอียิปต์โดยไม่ต้องซื้อ ทั้งแตงกวา แตงโม กระเทียมจีน หอมใหญ่ หัวกระเทียม” (กดว 11:5). พระเยซูเจ้าเอง ก่อนที่พระองค์จะเริ่มภารกิจของพระบิดา พระองค์ใช้เวลา 40 วัน 40 คืนในทะเลทราย(ความหมายของเลย 40 ในพระคัมภีร์= มากมาย) เป็นเวลาสำหรับการแสวงหาและสร้างความสนิทสัมพันธ์กับพระบิดาอย่างลึกซึ้ง การเรียกผู้คนไปสู่ทะเลทรายของยอห์น หมายความว่า ให้พวกเขาละทิ้งความหวังทั้งหมด หรือ ความปลอดภัยในชีวิตทั้งหมด และเรียนรู้ที่จะหวังและวางใจในพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว


ยอห์น เจริญชีวิตในสิ่งที่เขาสอน วิถีชีวิต,การแต่งตัว,อาหารการกิน, แสดงให้เห็นว่า ความหมายของชีวิตนั้นมิได้อยู่ที่สิ่งของภายนอก แต่อยู่ที่ชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า ชีวิตสมถะ ไม่ต้องมีอะไรสะดวกสบายนัก ไม่ต้องกังวลกับชีวิตในสังคม แต่มีหัวใจที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า


การเข้าสู่ทะเลทรายเป็นขั้นแรกของการกลับใจที่แท้จริง คือ การยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างและเอาชีวิตของตนมาวางต่อหน้าพระเจ้า เพื่อให้พระองค์พบเห็นเราได้ง่ายที่สุด นั่นคือ การกลับใจ


พี่น้องครับ ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จนี้ พระศาสนจักรเตือนใจเราให้ฟังเสียงของ ยอห์น บัปติสต์ เพื่อเป็นทุกข์ กลับใจ ใช้โทษบาป เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมน้อมรับพระผู้ทรงเสด็จมา เป็นโอกาสดีที่เราจะได้มอบชีวิตของเราทั้งหมดให้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสร้างเราขึ้นมาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ เมื่อเราได้ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว เราก็มีที่ว่างให้พระเจ้าในชีวิตของเรา และเราได้พบหนทางที่แท้จริงของการกลับใจ ผ่านทางแบบฉบับของท่านยอห์น บัปติสต์ด้วย


ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่ท่าน

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เด็กเล็กๆ


Tuesday of the First Week of Advent, Dec. 2 Luke 10: 21-24


เด็กๆ มองเห็นสิ่งต่างๆ โดยไม่เสแสร้ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระเจ้า พวกเขาธรรมดาและราบเรียบ พวกเขามีความเชื่อและความวางใจ พวกเขาไม่มีความหยิ่งผยองซึ่งเป็นรากเหง้าของปีศาจ พวกเขาเปิดปรีชาญาณ,พระหรรษทานและความช่วยเหลือของพระเจ้า และไม่พยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวของพวกเขาเอง


พระวาจาในวันนี้สอนเราในความธรรมดาๆ ว่า เราเตรียมพร้อมกับการเสด็จมาบังเกิดของพระผู้ไถ่ ที่มาสู่เราโดยไม่เสแสร้ง,หลอกลวง หรือสิ่งใดๆ เราเห็นพระองค์อย่างไร พระองค์ก็เป็นอย่างนั้น พระองค์แสนจะธรรมดา สุภาพและยากจน ไม่เคยมองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของพระองค์ แต่สิ่งที่เรามองเห็นจากพระองค์ก็คือ พระองค์แสวงหาน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้าเสมอ


เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นเทศกาล U TURN เพื่อเป็นทุกข์และกลับใจ และเตรียมชีวิตจิตใจของเราต้อนรับพระเยซูผู้ทรงเสด็จมา


ขอพระเยซู ช่วยเราให้ละม้ายคล้ายพระองค์ยิ่งขึ้นและเหมือนกับเด็กเล็กๆที่พระองค์ได้กล่าวถึงเสมอๆในพระวรสารให้เป็นรูปแบบสำหรับเราทุกคน