วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2008



ฉลองพระมหาวิหารลาเตรัน

จากการศึกษาเรื่องอุบัติเหตุ แสดงให้เห็นว่า (A) 20% เสียชีวิตจากรถมอเตอร์ไซค์ (b) 17% เสียชีวิตในบ้านของตัวเอง (c) 14% เสียชีวิตเพราะเดินอยู่ตามถนนและข้างทาง(d) 16% เสียชีวิตจากการเดินทางอากาศ,รถไฟ,ทางน้ำ (e) 32% เสียชีวิตในโรงพยาบาล (f) มีเพียง .001% ที่เสียชีวิตในวัดในขณะที่มานมัสการพระเจ้า ดังนั้น จากการศึกษาพบว่า สถานที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่ที่รถยนต์ของท่าน,หรือบ้านของท่าน,หรือโรงพยาบาล แต่เป็นที่วัดนั่นเอง


พี่น้องครับ วันนี้เราทำการฉลองการอภิเษกพระมหาวิหาร ยอห์น ลาเตรัน ในกรุงโรม / ทำไมเราจึงต้องทำการฉลองวิหารนี้ซึ่งอยู่ห่างไกลจากเรามากมาย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เป็นการเตือนให้เราระลึกถึงความสำคัญของวัดที่เป็นสิ่งก่อสร้างว่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับการพบกับพระเจ้า.


ในประวัติศาสตร์ พระมหาวิหาร น.ยอห์น ลาเตรัน เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงโรม และอยู่ในอันดับสูงสุดของวัดในโลกนี้ ต่อจากพระมหาวิหาร น.เปโตร ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า เป็นพระมหาวิหารแม่ของวัดทั้งหลาย ดังนั้น เมื่อเราทำการฉลองนี้ เราจึงฉลองธรรมล้ำลึกของการประทับอยู่ของพระเจ้าและการสร้างที่ทำให้เรามีสถานที่สำหรับนมัสการพระองค์ และหมายถึงวัดทุกๆที่ในโลกนี้ด้วย


เรารู้ว่า พระเจ้าทรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง เราสร้างวัดก็เพื่อจะได้มีสถานที่นมัสการพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์ก็มาถึงวัดแห่งนั้นและสามารถเรียกได้ว่า เป็นบ้านของพระเจ้า


กษัตริย์ซาโลมอน ระลึกถึงพระธรรมล้ำลึกนี้ในบทภาวนาที่พระวิหารกรุงเยรูซาเล็มว่า “ดูเถิด ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงที่สุดยังรับพระองค์อยู่ไม่ได้ พระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้น จะรับพระองค์ไม่ได้ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด” (1 Kings 8:27). ดังนั้น เมื่อเราฉลองความพิเศษของพระเจ้าในวัดแล้ว เราต้องคิดถึงตัวของเราเองที่ พระเจ้าทรงประทับอยู่ด้วย มิใช่คิดถึงแต่พระวิหารอย่างเดียว พระเจ้ายังคงอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่พระองค์เผยแสดงพระองค์เองในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ในบุคคลอื่นๆ ,สถานที่,และสิ่งต่างๆมากมาย วัดหรือวิหารก็เป็นรูปแบบหนึ่งในการประทับอยู่ของพระองค์


ในสมัยแรกเริ่มของพระศาสนจักร ผู้คนไปวัดกัน,มีส่วนร่วมในพิธีบ้าง,รับศีลมหาสนิท,และกลับบ้านโดยที่ไม่รู้ว่า คนที่นั่งอยู่ข้างๆในวัดแห่งนั้นเป็นใคร พิธีนั้นเลยดูเหมือนว่า เราลืมไปว่า จริงๆแล้วเราเป็นพี่น้องกัน เป็นพี่น้องชายหญิงในพระคริสตเจ้าและเรามานมัสการพระเจ้าในฐานะที่เราเป็นพี่เป็นน้องกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน


ดังนั้น สังคายนาวาติกันที่ 2 ได้เสนอการปรับเปลี่ยนพิธีกรรม โดยเฉพาะพระสงฆ์นั้นให้หันหน้ามาสู่ประชาชนในเวลาถวายมิสซาและมอบสันติสุขให้แก่กันและกันในมิสซา

ทุกวันนี้ คริสตชนบางคนหลงลืมไปว่า วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และต้องเคารพบุคคลอื่นๆ ที่มาร่วมในพิธีมิสซาด้วย คริสตชนบางคนก็ลืมไปว่า วัดเป็นสถานที่ประทับอยู่ของพระเจ้า เมื่อเข้ามาในวัดแล้วจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร? บางทีก็หลงลืมไป ยกตัวอย่างเช่น การแต่งตัวที่ไม่เหมาะสมกับการมาวัด,การไม่จุ่มน้ำเสกเวลาเข้าวัด,การไม่แสดงความเคารพต่อพระแท่นบูชาก่อนเข้าที่นั่งของตนหรือก่อนออกจากวัด , การคุยกันในวัด, โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ


พี่น้องครับ การขาดหายไปของสำนึกว่า วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ วัดเป็นสถานที่นมัสการพระเจ้า อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บรรดาเยาวชนขาดความกระตือรือล้นไม่สนใจในการมาวัด,ไม่สนใจการภาวนาอีกต่อไป ถ้าพวกเขามาวัดและคิดว่า ก็แค่คนมานั่งรวมๆกัน ไม่มีอะไรน่าสนใจ น่าเบื่อ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามเราทุกคนตระหนักว่า วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ที่เราจะพบกับพระเจ้า พร้อมกับเพื่อนพี่น้องและด้วยตัวของเราเอง เราจึงพาตัวเองมาวัด มาทั้งกาย มาทั้งใจ เมื่อยกจิตใจขึ้นหาพระเจ้าให้มากกว่าประสบการณ์ความรู้สึกเบื่อหน่ายในการมาวัด.


พี่น้องครับ วันนี้เราทำการฉลองการอภิเษกพระมหาวิหาร น.ยอห์น ลาเตรัน เชิญชวนเราให้ระลึกถึงความเชื่อของเราในบ้านของพระเจ้าในวัดของเรา บ้านแห่งการภาวนาและเปลี่ยนแปลงนิสัยพร้อมทั้งปฏิบัติตนเพื่อให้เราแต่ละคนสามารถพบกับพระเจ้าได้ง่ายขึ้น และพร้อมให้พระเจ้าทรงสามารถพบกับเราได้ง่ายขึ้นในทุกครั้งที่เรามาวัดเพื่อพบกับพระองค์


ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน.

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รออยู่นานเลยคุณพ่อ ในที่สุดคุณพ่อก็มีเวลาให้แล้ว ลูกชอบที่คุณพ่อเขียนเพราะมันจริงซะด้วย