วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ส.34 เทศกาลธรรมดา ปี A - 23 พ.ย.2008-สมโภชพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล


สมโภชพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล


วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีพิธีกรรม ซึ่งเราฉลองพระเยซูทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล บทอ่านในบทอ่านที่หนึ่งนั้นสะท้อนให้เห็นภาพกษัตริย์ในรูปแบบที่พระเยซูทรงเป็น และหากจะถามว่า การเป็นกษัตริย์ของพระเยซูนั้นมีความหมายต่อพวกเราอย่างไร ? เพื่อที่จะบอกได้ว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของพระอาณาจักรของพระองค์ เราคงต้องพยายามทำความเข้าในสิ่งที่บอกในบทอ่านจากประกาศกเอเสเคียลเสียก่อน


ในบทอ่านที่หนึ่งนั้น ประกาศกเอเสเคียล ได้พูดถึงพระเจ้าที่พระองค์ทรงเป็นดังนายชุมพาบาลผู้เลี้ยงแกะแห่งชนชาติอิสราเอล กษัตริย์แห่งอิสราเอลซึ่งถูกอ้างว่า เป็นพระเจ้าที่สามารถมองเห็นได้และถูกให้ภาพของการเป็นนายชุมพาบาล แต่ในบรรดากษัตริย์ทั้งหลายเหล่านั้น มิได้มีชีวิตในบทบาทที่พวกเขาได้เป็นคือมิได้เป็นดังนายชุมพาบาลที่ดีซึ่งแตกต่างจากการนำชนชาติอิสราเอลของพระเจ้า รูปแบบบายชุมพาบาลในแบบของพระเจ้าที่พระองค์ทรงเน้นย้ำก็คือ รูปแบบของการให้และการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยเฉพาะในเรื่องความยุติธรรมและอำนาจต่างๆ และนี่คือสิ่งที่ในบทอ่านที่หนึ่งบอกกับเรา


เราจะตามหาแกะที่หาย ตัวไหนหลงทางไป เราจะนำกลับมา ที่บาดเจ็บก็จะทำแผลให้ ตัวไหนอ่อนแอ ก็จะบำรุงให้แข็งแรง ที่อ้วนท้วนแข็งแรงอยู่แล้ว ก็จะทะนุถนอมไว้ เราจะเลี้ยงมันอย่างที่ควร(ยุติธรรม) (Ezekiel 34:16).


พี่น้องที่รัก สัญญาของพระเจ้าที่ทรงมอบให้กับเราดูแลประชากรของพระองค์คืออะไร?? ในฐานะที่เราทุกคนเป็นคริสตชน เราได้เห็นแบบอย่างที่ดีที่สุดจากพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ที่เราทำการฉลองในวันนี้ พระองค์ได้ทรงเริ่มการเป็นกษัตริย์ของพระองค์ แต่พระองค์จะกลับมาถึงในวันพิพากษาเพื่อทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์ ในวันนั้นพระองค์จะนั่งบนพระบัลลัง พิพากษาชายและหญิงจากทุกชนชาติ ไม่ว่าเด็กชายหรือเด็กหญิง ดุจดังแยกแกะออกจากแพะ


กิจการที่เฉพาะเจาะจงที่พระเยซูทรงกล่าวถึงเป็นพิเศษ เพื่อช่วยในการแยกแยะดังที่ปรากฏในพระวรสารก็คือ (i)การเลี้ยงผู้หิวอาหาร (ii) การให้น้ำแก่ผู้หิวกระหาย(iii)การให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ขัดสน (iv) การให้ที่พักพิง (v)การเยี่ยมเยียนผู้ต้องขัง(vi) การดูแลผู้เจ็บป่วย


ทุกคนจะได้รับการพิพากษา ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคริสตชนหรือไม่ก็ตาม และไม่ขึ้นกับว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรของพระเจ้าหรือไม่


พี่น้องครับ ข่าวดีสำหรับเราทุกคนก็คือ เราโชคดีที่สุดที่เรามีกษัตริย์ที่พระองค์ทรงสนใจเราแต่ละคน และทรงช่วยเหลือเราไม่แต่เฉพาะเวลาที่เราต้องการพระองค์หรือในเวลาปกติของชีวิต หรือในเวลาที่ต้องการพระองค์มากที่สุด แต่พระองค์ทรงอยู่เพื่อช่วยเราเสมอในทุกกรณี


ความท้าทายสำหรับเราทุกคนในวันนี้ก็คือ ให้เราลืมความต้องการของตนเองและแบ่งปันความรักของเราออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คิดถึงผู้อื่นมากขึ้นโดยเฉพาะบุคคลในครอบครัวของเรา พยายามแบ่งปันความรักและสันติสุขและความสุขแก่ผู้อื่นเสมอ


‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา’

ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ส.33 เทศกาลธรรมดา ปี A - อาทิตย์ที่ 16 พ.ย.2008



TALENT???


ชายคนหนึ่งบ่นต่อว่าพระเจ้าว่า “เขาได้เฝ้าสวดภาวนาทุกวันเป็นเวลา 3 ปี เพื่อขอพระเจ้าให้เขาถูกลอตเตอรี่ พระเจ้าให้เขาสวดและบอกว่า จะได้รับ แต่ทำไมตลอดเวลา 3 ปีเขาจึงไม่ถูกลอตเตอรี่เลยสักครั้งเดียว?” เสียงพระเจ้าตอบกลับมาว่า “ลูกที่รัก ก่อนอื่นหมด ลูกต้องซื้อลอตเตอรี่ก่อนนะ???” เรื่องเล่านี้บอกกับเราว่า ถ้าเราต้องการชนะ ก็ต้องอาศัยความพยายามของเราด้วยเช่นเดียวกัน


พี่น้องครับ พระวาจาในวันนี้บอกกับเราว่า “ชายคนหนึ่งได้ออกเดินทางและมอบเงินให้กับคนใช้สามคน 5,2,1 ตาแลนท์ คนใช้ที่ได้รับเงิน 1 ตาแลนท์คือคนที่มีความสามารถน้อยที่สุด เขาไม่ได้เป็นคนเก่งกาจหรือเป็นอัจฉริยะ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เจ้านายได้ให้เงินแม้รู้ว่า คนใช้คนนี้ไม่มีความสามารถอะไร เราเองซึ่งเป็นลูกๆ ของพระองค์ก็เช่นกัน เราเองได้รับคนตาแลนท์ ขึ้นอยู่กับว่า เราเปรียบเทียบตัวเราเองกันใคร
เมื่อเจ้านายกลับมา และคนใช้สองคนแรก “เอาไปลงทุนและเกิดกำไร” ด้วยเงินที่พวกเขาได้รับ ส่วนคนที่สาม ไปขุดดินเอาเงินฝังไว้และไม่เกิดผล ทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น คำตอบก็คือ เขาอาจกลัวว่า เขาจะเสียเงินจำนวนนี้ไปถ้าเขาเอาเงินไปลงทุน เขาอาจคิดว่า “ดีแล้วหล่ะ ถ้าเราเอาเงินทั้งหมดนี่ไปลงทุน ก็คงเสี่ยงมาก เราคงจบเพียงเท่านี้ ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย เก็บไว้เฉยๆดีกว่า”????


คริสตชนจำนวนไม่น้อยก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน เพราะเรามองดูตัวเราเองกับพระพรต่างๆที่เราได้รับ แล้วก็บอกว่า ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก สมมุติว่าหญิงคนหนึ่งรักการร้องเพลงมาก แต่ไม่เข้าร่วมคณะนักขับร้อง ไม่ฝึกซ้อมเพราะเธอกลัวว่า เธอไม่มีพรสวรรค์ในการร้องเพลง? หรือเด็กหนุ่มที่ต้องการประกาศพระวาจาของพระเจ้าแต่เขากลัวว่าเขาไม่มีความรู้ในพระคัมภีร์หรือเทววิทยาดีพอ? สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ทำอะไร แล้วก็เดินตามทางของคนใช้คนที่สามในวันนี้ที่ฝังเงินของตนเองไว้


พี่น้องครับ เรื่องที่ทำให้ประหลาดใจก็คือ เมื่อเจ้านายกลับมาและพบกับคนใช้ทั้งสาม คนแรกและคนที่สอง ได้รับคำชมที่เหมือนๆ กันก็คือ ดีมากเจ้าเป็นคนใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด” ทั้งหมดนี่แสดงว่า รางวัลที่ได้รับ มิได้เป็นไปตามสัดส่วนของกำไรที่ทำขึ้นมา แต่อยู่ที่แต่ละคนได้ทำเต็มที่ตามส่วนที่ตนเองได้รับ

สิ่งสำคัญก็คือ ทำไมคนใช้คนที่สามจึงตัดสินใจฝังเงินของตนเอง อาจเป็นไปได้ว่า เขาเปรียบเทียบเงินของตนเองกับคนใช้อื่นๆ ที่ได้มากกว่า มองเห็นตัวเองอยู่ท้ายสุดและเริ่มหมดกำลังใจ เขาไม่ได้ตระหนักว่า ด้วยเงินหนึ่งตาแลนท์ที่เขามี ถ้าเขาใช้เต็มที่ เขาก็จะได้รับรางวัลเท่าเสมอกับคนที่ได้ 5 หรือได้ 2


พี่น้องครับ เราทุกคนในวัดแห่งนี้ได้รับอย่างน้อย 1 ตาแลนท์แล้ว นั่นคือ พระพรแห่งความเชื่อ สิ่งที่เราต้องรับผิดชอบก็คือ เราต้องไม่เก็บหรือรักษาความเชื่อนั้นไว้เพียงตัวเราเท่านั้น แต่ต้องพยายามทำให้เกิดผล เราต้องทำให้ความเชื่อนั้นเติบโตและมีคุณค่ามากขึ้น นั่นหมายความว่า บางทีเราอาจต้องเสี่ยง,เราอาจโดนท้าทาย, เราอาจไม่สะดวกสบายหรือมีความลำบากใจบ้าง แต่เราได้พยายามทำเต็มส่วนที่เราได้รับตาแลนทตา พระเจ้าได้มอบตาแลนท์ให้กับเราแล้ว ดังนั้น จงทำให้มันเกิดผลในชีวิตของเราเถิด


ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน

ทำทุกสิ่งด้วยความรัก



บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก
ถึงฟิเลโมน ฟม 1:7-20


ท่านที่รักยิ่ง ความรักของท่านทำให้ข้าพเจ้ายินดีและได้รับกำลังใจเป็นอย่างมาก เพราะท่านนำความสงบสุขมาสู่ดวงใจของประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าเดชะพระคริสตเจ้า แม้ว่าข้าพเจ้ามีอำนาจจะสั่งท่านให้ทำสิ่งใดก็ได้ แต่ข้าพเจ้าก็เลือกที่จะขอร้องให้ท่านทำด้วยความรักมากกว่า ผู้ที่ขอร้องนี้คือข้าพเจ้า เปาโล ซึ่งเป็นคนชราและขณะนี้เป็นนักโทษเนื่องจากพระคริสตเยซูด้วย ข้าพเจ้าขอร้องท่านเพื่อบุตรคนหนึ่งของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้ให้กำเนิดขณะที่ถูกจองจำคือโอเนสิมัส ในอดีต เขาไม่มีประโยชน์ใดต่อท่าน แต่ขณะนี้ เขามีประโยชน์ทั้งต่อท่านและต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากำลังส่งเขากลับมาหาท่าน นั่นคือข้าพเจ้าส่งดวงใจของข้าพเจ้ามาด้วย อันที่จริงแล้ว ข้าพเจ้าต้องการให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าที่นี่ เขาจะได้รับใช้ข้าพเจ้าแทนท่านขณะที่ข้าพเจ้าถูกจองจำเพราะข่าวดี แต่ข้าพเจ้าไม่ต้องการทำสิ่งใดโดยท่านไม่เห็นชอบ เพื่อมิให้ท่านทำความดีเพราะถูกบังคับ แต่ทำด้วยความสมัครใจ ข้าพเจ้าคิดว่า เขาถูกพรากไปจากท่านระยะหนึ่ง เพื่อจะกลับมาอยู่กับท่านตลอดไป มิใช่ ในฐานะทาส แต่ในฐานะที่ดีกว่ามาก คือเป็นน้องชายที่รัก ถ้าเขาเป็นที่รักอย่างยิ่งของข้าพเจ้า เขาจะต้องเป็นที่รักของท่านมากกว่าสักเท่าใดเล่า ทั้งในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์และในฐานะที่เป็นพี่น้องในองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าท่านยังยอมรับว่าข้าพเจ้า เป็นมิตรกับท่าน ก็จงต้อนรับเขาเช่นเดียวกับที่ท่านจะต้อนรับข้าพเจ้า ถ้าเขาทำผิดต่อท่านเรื่องใด หรือเป็นหนี้ท่านเท่าใด ก็จงจดลงในบัญชีของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเขียนด้วยมือของข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้า เปาโล จะชดใช้ให้ทั้งหมด ข้าพเจ้าจะไม่พูดถึงหนี้สินอื่นที่ท่านเป็นหนี้ข้าพเจ้า ดีแล้ว น้องรัก หวังว่าท่านจะทำตามที่ข้าพเจ้าขอร้อง เพราะท่านศรัทธาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทำให้ดวงใจของข้าพเจ้าเป็นสุขสงบในพระคริสตเจ้าเถิด

ข้อคิด


· ท่านเปาโลเขียนจดหมายถึงฟีเลโมน เพื่อฝากฝัง โอเนซิมัส ให้ทำงานแทนท่าน (เพราะท่านทำงานไม่ได้แล้ว)

· ท่านขอร้องต่อฟีเลโมนให้ประกาศข่าวดีด้วยความรัก มากกว่าจะใช้การบังคับฟีเลโมนให้ทำ (แม้ว่าท่านจะสามารถบังคับได้)

· ท่านได้รับกำลังใจจากคนอื่นเป็นอย่างมาก (เพราะฟีเลโมนนำความสงบสุขมาสู่ประชากรของพระเจ้า)

· เปาโลเขียนจดหมายนี้ในคุก (ทั้งแก่ชราและติดคุก แต่ยังให้กำลังใจผู้อื่นเสมอ)

· ท่านติดคุกเพราะประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้า (แต่มิได้ท้อแท้ในการประกาศข่าวดี)

· ท่านไม่ต้องการให้ผู้อื่นทำความดีเพราะถูกบังคับ แต่ให้ทำความดีด้วยความสมัครใจ

· ท่านยินดียอมรับหนี้สิน(ความผิดพลาดบกพร่อง) ของผู้อื่น แต่ตัวท่านเองไม่ติดใจเอาความใคร (ให้อภัยทุกอย่างแก่ทุกคน)

วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2008



ฉลองพระมหาวิหารลาเตรัน

จากการศึกษาเรื่องอุบัติเหตุ แสดงให้เห็นว่า (A) 20% เสียชีวิตจากรถมอเตอร์ไซค์ (b) 17% เสียชีวิตในบ้านของตัวเอง (c) 14% เสียชีวิตเพราะเดินอยู่ตามถนนและข้างทาง(d) 16% เสียชีวิตจากการเดินทางอากาศ,รถไฟ,ทางน้ำ (e) 32% เสียชีวิตในโรงพยาบาล (f) มีเพียง .001% ที่เสียชีวิตในวัดในขณะที่มานมัสการพระเจ้า ดังนั้น จากการศึกษาพบว่า สถานที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่ที่รถยนต์ของท่าน,หรือบ้านของท่าน,หรือโรงพยาบาล แต่เป็นที่วัดนั่นเอง


พี่น้องครับ วันนี้เราทำการฉลองการอภิเษกพระมหาวิหาร ยอห์น ลาเตรัน ในกรุงโรม / ทำไมเราจึงต้องทำการฉลองวิหารนี้ซึ่งอยู่ห่างไกลจากเรามากมาย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เป็นการเตือนให้เราระลึกถึงความสำคัญของวัดที่เป็นสิ่งก่อสร้างว่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับการพบกับพระเจ้า.


ในประวัติศาสตร์ พระมหาวิหาร น.ยอห์น ลาเตรัน เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงโรม และอยู่ในอันดับสูงสุดของวัดในโลกนี้ ต่อจากพระมหาวิหาร น.เปโตร ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า เป็นพระมหาวิหารแม่ของวัดทั้งหลาย ดังนั้น เมื่อเราทำการฉลองนี้ เราจึงฉลองธรรมล้ำลึกของการประทับอยู่ของพระเจ้าและการสร้างที่ทำให้เรามีสถานที่สำหรับนมัสการพระองค์ และหมายถึงวัดทุกๆที่ในโลกนี้ด้วย


เรารู้ว่า พระเจ้าทรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง เราสร้างวัดก็เพื่อจะได้มีสถานที่นมัสการพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์ก็มาถึงวัดแห่งนั้นและสามารถเรียกได้ว่า เป็นบ้านของพระเจ้า


กษัตริย์ซาโลมอน ระลึกถึงพระธรรมล้ำลึกนี้ในบทภาวนาที่พระวิหารกรุงเยรูซาเล็มว่า “ดูเถิด ฟ้าสวรรค์และฟ้าสวรรค์อันสูงที่สุดยังรับพระองค์อยู่ไม่ได้ พระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้น จะรับพระองค์ไม่ได้ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด” (1 Kings 8:27). ดังนั้น เมื่อเราฉลองความพิเศษของพระเจ้าในวัดแล้ว เราต้องคิดถึงตัวของเราเองที่ พระเจ้าทรงประทับอยู่ด้วย มิใช่คิดถึงแต่พระวิหารอย่างเดียว พระเจ้ายังคงอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่พระองค์เผยแสดงพระองค์เองในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ในบุคคลอื่นๆ ,สถานที่,และสิ่งต่างๆมากมาย วัดหรือวิหารก็เป็นรูปแบบหนึ่งในการประทับอยู่ของพระองค์


ในสมัยแรกเริ่มของพระศาสนจักร ผู้คนไปวัดกัน,มีส่วนร่วมในพิธีบ้าง,รับศีลมหาสนิท,และกลับบ้านโดยที่ไม่รู้ว่า คนที่นั่งอยู่ข้างๆในวัดแห่งนั้นเป็นใคร พิธีนั้นเลยดูเหมือนว่า เราลืมไปว่า จริงๆแล้วเราเป็นพี่น้องกัน เป็นพี่น้องชายหญิงในพระคริสตเจ้าและเรามานมัสการพระเจ้าในฐานะที่เราเป็นพี่เป็นน้องกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน


ดังนั้น สังคายนาวาติกันที่ 2 ได้เสนอการปรับเปลี่ยนพิธีกรรม โดยเฉพาะพระสงฆ์นั้นให้หันหน้ามาสู่ประชาชนในเวลาถวายมิสซาและมอบสันติสุขให้แก่กันและกันในมิสซา

ทุกวันนี้ คริสตชนบางคนหลงลืมไปว่า วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และต้องเคารพบุคคลอื่นๆ ที่มาร่วมในพิธีมิสซาด้วย คริสตชนบางคนก็ลืมไปว่า วัดเป็นสถานที่ประทับอยู่ของพระเจ้า เมื่อเข้ามาในวัดแล้วจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร? บางทีก็หลงลืมไป ยกตัวอย่างเช่น การแต่งตัวที่ไม่เหมาะสมกับการมาวัด,การไม่จุ่มน้ำเสกเวลาเข้าวัด,การไม่แสดงความเคารพต่อพระแท่นบูชาก่อนเข้าที่นั่งของตนหรือก่อนออกจากวัด , การคุยกันในวัด, โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ


พี่น้องครับ การขาดหายไปของสำนึกว่า วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ วัดเป็นสถานที่นมัสการพระเจ้า อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บรรดาเยาวชนขาดความกระตือรือล้นไม่สนใจในการมาวัด,ไม่สนใจการภาวนาอีกต่อไป ถ้าพวกเขามาวัดและคิดว่า ก็แค่คนมานั่งรวมๆกัน ไม่มีอะไรน่าสนใจ น่าเบื่อ แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามเราทุกคนตระหนักว่า วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ที่เราจะพบกับพระเจ้า พร้อมกับเพื่อนพี่น้องและด้วยตัวของเราเอง เราจึงพาตัวเองมาวัด มาทั้งกาย มาทั้งใจ เมื่อยกจิตใจขึ้นหาพระเจ้าให้มากกว่าประสบการณ์ความรู้สึกเบื่อหน่ายในการมาวัด.


พี่น้องครับ วันนี้เราทำการฉลองการอภิเษกพระมหาวิหาร น.ยอห์น ลาเตรัน เชิญชวนเราให้ระลึกถึงความเชื่อของเราในบ้านของพระเจ้าในวัดของเรา บ้านแห่งการภาวนาและเปลี่ยนแปลงนิสัยพร้อมทั้งปฏิบัติตนเพื่อให้เราแต่ละคนสามารถพบกับพระเจ้าได้ง่ายขึ้น และพร้อมให้พระเจ้าทรงสามารถพบกับเราได้ง่ายขึ้นในทุกครั้งที่เรามาวัดเพื่อพบกับพระองค์


ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน.