วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

คติเตือนใจ - Fw : mail





* นึกว่าเสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับเธอ 3 ชั่วโมง

* ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่!

* หลับตานิ่งๆ ซัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรตรงหน้ามันช่างยากจัง

* ระหว่างแปรงฟันถ้าฮัมเพลงด้วยไปจนจบจะทำให้ฟันสะอาดขึ้น 2 เท่าแน่ะ

* เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดาก็จะอร่อยขึ้นเยอะ

* ควรหัดพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า “จะเอายังไง”

* สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้จึงเล่าให้มันฟังได้

* อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

* เขียนชื่อคนที่เธอเกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้งความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ

* ให้ปล่อยน้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง จะดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้มา

* ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อย 3 ข้อก่อน

* ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าสลับกันไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนจะเยอะขึ้น

* เลือกให้ของขวั­คนที่ไม่เคยได้ ดีกว่าคนได้เยอะจนจำชื่อคนให้ไม่หมด

* ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองซักดอกแล้วจะดีขึ้น

* แอบรักใครซักคน ยังไงก็ดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึก “รัก” เป็นยังไง

* ถึงจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นี่

* พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่มอาจไม่สนุกแต่มีประโยชน์แฝงอยู่

* วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าที่จะทำนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกายน่ะ

* รู้รึเปล่าว่าดอกไม้ที่บานอยู่กับต้น ยังไงก็อยู่ได้นานกว่าบานในแจกัน

* ทะเลาะกับใครๆ พร้อมรอยยิ้ม เรื่องราวจะจบง่ายกว่าที่คิดเยอะ

* เอารูปตัวเองตอนเด็กๆ มาดูตอนเครียดอารมณ์จะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

* พยายามหาข้อบกพร่องของคนที่เธออิจฉาอย่างน้อยก็มีข้อปลอบใจตัวเองบ้าง!


* โทรไปหาแฟนแล้วพูดแคคำเดียวว่า “คิดถึง” พอวางสายแล้วต้องยิ้มทั้งคู่

* ในวงสนทนาถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรรอยยิ้มช่วยแก้สถานการณ์ได้

* ค่อยๆ เดินทอดน่องแบบสบายๆ ในวันที่ไม่มีธุระให้ต้องไปสะสาง

* ซื้อของฝากทุกคนในบ้าน ก็เหมือนกับการซื้อของฝากตัวเองนั่นแหละ

* จะหน้าตายังไงก็แล้วแต่ ถ้าทิ้งขยะลงพื้นก็กลายเป็นขี้เหร่ได้ทันตาเห็น

* นั่งสมาธิให้นานๆ และบ่อยๆ ก็ทำให้ผิวสวยขึ้นได้เหมือนกัน

* นอกจากตอนที่เคี้ยวข้าวแล้ว ไม่ว่าก่อนหรือหลังกินก็หัวเราะได้อร่อย

* จินตนาการถึงเรื่องที่อยากมีหรืออยากเป็นคือยานอนหลับอย่างหนึ่ง

* อ่านหนังสือหรือการ์ตูนโปรดเป็นการเติมน้ำมันให้ตัวเองอย่างดี

* ยังไม่มีใครเคยแย้งว่า การอาบน้ำไม่สามารถคลายเครียดได้จริงๆ

* ก่อนจะด่าใครให้นับ 1 ถึง 50 เผลอๆ อาจจะไม่อยากด่าแล้วก็ได้

* ไม่ต้องทำยังไงกับเพื่อนที่หักหลังก็แค่อย่าเรียกเค้าว่าเพื่อนก็พอแล้ว

* รักครั้งแรกส่วนให­่ก็อกหักทั้งนั้น น่าจะดีใจที่ไม่แปลกกว่าชาวบ้านเค้า

* การที่ทำของหายอาจเป็นการใช้หนี้ของชาติที่แล้วให้คนอื่นที่เก็บมันได้

* ถึงจะไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าซักบาท ยังดีกว่าไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ตั้งเยอะ

* หนี้ที่โดนเบี้ยวไป ทำให้เรารู้จักใครบางคนดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลามาก

* คนอื่นไม่เข้าใจเราไม่เห็นแปลก ในเมื่อเราก็ไม่เข้าใจคนอื่นเหมือนกัน

* ไม่ต้องช่วยใครๆ ด่าตัวเอง ถ้าสิ่งที่ทำไปแน่ใจว่าพยายามเต็มที่แล้ว

* วิ่งให้เหนื่อยมากๆ ความโกรธจะได้ถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ

* ถ้ากลัวจะนอนฝันร้าย สวดมนต์ก่อนนอนเหมือนตอนเด็กๆ ดูสิ

* ของฝากสำหรับคนห่างไกล คือการโผล่ไปเซอร์ไพรส์ด้วยตัวเอง

* เพลงจังหวะมันๆ ทำให้คนฟังกระปรี้กระเปร่าได้โดยอัตโนมัติ

* อย่าเดาว่าอะไรอยู่ในกล่องของขวั­ญ แล้วจะไม่รู้จักคำว่าผิดหวัง

ส.3 เทศกาลมหาพรต ปี A - ข้อคิดจากพระวาจา


วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2008


ใน ส.1 เทศกาลมหาพรต เรื่องทะเลทราย ส. 2 เรื่องพระเยซูจำแลงพระกายบนภูเขา ส.3 เป็นเรื่องพระวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใว้สำหรับพบพระเจ้า


วันนี้เราไม่ได้มาดูหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของพระเยซูเจ้า แต่เรามาดูหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ พระเยซูเจ้าไม่มีความสุขที่พระองค์เห็นพระวิหารที่กลายเป็นตลาด พระองค์โกรธเพราะพระองค์เห็นว่า พระวิหารนั้นไม่ได้เป็นพระวิหารในแบบที่ควรจะเป็น

คนที่ดูแลพระวิหารพอใจที่จะเห็นการค้าขายสัตว์ , แกะ และนกพิราบ พอใจที่จะเห็นเงินที่ “สกปรก” ที่ผู้คนนำมา เปลี่ยนเป็นเงินที่ “ศักดิ์สิทธิ์” ของพระวิหาร พวกเขาไม่พอใจที่พระองค์ทรงทำเช่นนั้นและต่อต้านพระองค์ สำหรับพวกเขา การทำให้พระเจ้าพอพระทัยคือการทำบุญทำทานในพระวิหาร แต่สิ่งสำคัญภายนอกนั้น พวกเขาไม่สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนพี่น้อง คือ เอาแต่นมัสการพระเจ้า แต่ไม่สนใจเพื่อนพี่น้อง การนับถือศาสนาแบบนี้แหละที่ทำให้พระเยซูเจ้ารับไม่ได้

มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง มีพระสงฆ์องค์หนึ่งก็กำลังกลับไปที่บ้านพักพระสงฆ์ในเย็นวันหนึ่ง คงจะมืดนิดหน่อย ก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาทักพระสงฆ์องค์นั้น พร้อมกับชักปืนมาออกจี้ที่คุณพ่อ พร้อมกับตะโกนว่า “ส่งเงินมาหรือจะยอมตาย” คุณพ่อก็ค่อยเอื้อมมือไปล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมา โจรคนนั้นก็เห็นเสื้อผ้าและการแต่งกายที่บ่งบอกว่า คนคนนี้เป็นพระสงฆ์ มันจึงบอกกับคุณพ่อว่า “เอ้า คุณเป็นพระสงฆ์หรือเนี่ย? งั้นไปเถอะ ไม่เอาแล้ว” พระสงฆ์ก็ประหลาดใจกับความเมตตาที่โจรกระจอกคนนี้ แต่พระสงฆ์ท่านนั้นก็พยายามหาอะไรยื่นให้โจรนั้นตนได้ ที่สุดพระสงฆ์ก็ส่งบุหรี่ 1 ซองให้กับโจรคนนั้น โจรตอบว่า “ไม่ละครับคุณพ่อ ผมไม่สูบบุหรี่ในเทศกาลมหาพรตครับ”

พี่น้องคงจะเห็นว่า โจรคนนี้ได้ตั้งใจที่จะงดสูบบุหรี่ในเทศกาลมหาพรตแต่ในขณะเดียวกันก็ลืมไปว่า มีสิ่งที่สำคัญต่อพระบัญญัติของพระเจ้าก็คือ “อย่าลักขโมย”

พี่น้องครับ ทำไมพระเยซูจึงได้ทำกับพวกผู้นำศาสนาในแบบนั้น ก็คือ เพื่อสอนให้เขารู้ว่า สิ่งสำคัญสำหรับการนมัสการพระเจ้าก็คือ สิ่งที่อยู่ภายใน มิใช่แค่สิ่งภายนอก พวกฟารีสีเน้นสิ่งภายนอกจนบางครั้งลืมเรื่องจิตใจ

พี่น้องครับ หลักในการสร้างพระวิหารนั้นอาจช่วยให้เราได้เข้าใจบางสิ่งบางอย่างในเรื่องนี้ ในการสร้างพระวิหารนั้นจะแบ่งส่วนในพระวิหารเป็น 5 ส่วนดังนี้ 1.เขตศักดิ์สิทธิ์ 2.เขตสำหรับพระสงฆ์ 3.เขตของชาวอิสราเอล 4.เขตของผู้หญิง 5.เขตของคนต่างชาติ เราจะเห็นเป็น 5 ส่วน การออกแบบนี้ทำให้เราเห็นภาพว่า ทุกคนมีที่อยู่ในบ้านของพระเจ้า เป็นบ้านสำหรับนานาชาติ “สำหรับทุกชนชาติ” ซึ่งทุกคนทั้งชายและหญิงบนแผ่นดินนี้จะได้รับที่ที่สำหรับการสวดภาวนาได้ แต่ผู้นำของชาวยิวลืมไปและคิดว่า พระวิหารนั้นเป็นของพวกเขาเท่านั้น พระเจ้าเป็นของพวกเขาเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงได้เปลี่ยนที่ที่เป็นของคนต่างชาตินั้นให้กลายเป็น ตลาด “ศักดิ์สิทธิ์” สำหรับค้าขายสัตว์ต่างๆสำหรับถวายบูชาและเพื่อแลกเปลี่ยนเงินตรา พื้นที่ของคนต่างชาติไม่ถูกนับรวมเข้าไปในส่วนพระวิหารของพระเจ้า เป็นแค่ตลาดธรรมดาๆ เท่านั้น

พี่น้องครับ เขตของคนต่างชาตินี่แหละที่พระเยซูเจ้าได้ทำการชำระล้าง พระเยซูเจ้าทำเช่นนี้เพื่อบอกว่า เขตของคนต่างชาติก็มีความศักดิ์สิทธิ์เฉกเช่นเดียวกับเขตของชาวยิวด้วย พระเจ้าเป็นพระเจ้าสำหรับทุกคน ไม่ได้เป็นพระเจ้าสำหรับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เหมือนกับพวกยิวในสมัยของพระเยซู ในปัจจุบันคริสตชนบางคนอาจคิดว่า พระเจ้าเป็นของพวกเราเท่านั้น ไม่ได้เป็นพระเจ้าสำหรับคนอื่นๆ

ชายคนหนึ่งตายไปและเข้าไปสวรรค์ น.เปโตรก็พาเดินไปรอบๆ น.เปโตรก็ชี้ให้ดูแมนชั่น คอนโดที่แตกต่างกันไป แล้วบอกว่า “คอนโดนั้นเป็นของชาวยิว , อันโน้นก็เป็นของพี่น้องชาวพุทธ , อันนั้นก็ของพี่น้องมุสลิม” และแล้วพวกเขาก็มาถึงเขตที่ใหญ่โตที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและก็มีเสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาจากข้างใน ชายคนนั้นก็ถามว่า “คนข้างในนั้นเป็นใครครับท่าน” น.เปโตร รอบว่า “เงียบๆ หน่อย พวกเขาเป็นพวกคริสตตังค์ แต่พวกเขาคิดว่า พวกเขาเป็นพวกเดียวที่อยู่ที่นี่”

พี่น้องผู้มีความเชื่อทุกท่าน เราจำเป็นต้องมีประสบการณ์แห่งพระวิหารนี้เพื่อปลุกเราให้มีความรักกันและกันในแบบสากล เพื่อนำทุกคนให้กลับมานมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริง และพร้อมที่จะมีประสบการณ์แห่งการแบ่งปันและการร่วมเป็นหนึ่งเดียวในพระทรมานของพระเยซูเจ้าในโอกาสเทศกาลมหาพรตนี้ด้วย

ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ส. ที่ 2 เทศกาลมหาพรต ปี A - ข้อคิดจากพระวาจา



วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2008

“ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด”

พี่น้องมาวัดทุกอาทิตย์ ตื่นแต่เช้า แต่งตัว แต่งหน้าทำผม ให้ดีที่สุด สวยที่สุด เลือกชุดที่สวยที่สุด เพื่ออะไร? คงไม่ใช่แค่การทำตามกฎของพระเจ้า พระศาสนจักรเท่านั้น แต่พ่อเชื่อว่า เป็นเพราะพี่น้องต้องการมาฟังพระวาจา

เสียงที่ปรากฏในพระวาจา ก็คือเสียงของพระเจ้าที่บอกกับเปโตร ยากอบ ยอห์น “เราพอใจ จงฟังท่านเถิด” เน้นย้ำให้เราเห็นคุณค่าของการฟัง การฟังต่างจากการได้ยินธรรมดา ๆ แต่เป็นความตั้งใจที่จะฟัง เพื่อจะได้เข้าใจ ให้ประทับในความคิดและจิตใจ
การจำแลงพระกายนี้ มีความหมายเพื่อให้เราเข้มแข็งในความเชื่อและมีความหวังและให้กำลังใจกับบรรดาศิษย์ให้พากเพียรไปสู่การทดลองในอนาคต

พี่น้องครับ เรื่องราวของการจำแลงพระกายของพระเยซูเจ้าเป็นตัวอย่างที่ดีของความเข้มแข็งและประกันความมั่นใจว่า สิ่งที่เราจะได้รับจากการสวดภาวนาในสถานกาณ์ต่าง ๆ ของชีวิต
พระเยซูเจ้าไปหาที่เงียบ ๆเพื่อสวดภาวนา หากชีวิตของเราเต็มไปด้วยความลำบาก ท้อแท้ เราคงต้องการเวลาที่เงียบ เวลาสันติ เพื่ออะไร? เพื่อที่จะฟังเสียงของพระ ซึ่งพี่น้องจะไม่พบที่อื่นๆ เมื่อวานเรามีการเข้าเงียบที่วัดของเรา มีพี่น้องมาประมาณเกือบ ๆ 90 คน เราต้องการสิ่งที่ภายในต้องการ นั่นคือ ความสงบเพื่อจะได้พบพระ พระเยซูเจ้าแม้ทรงเป็นพระบุตร แต่ในเวลาที่พระองค์ต้องการก็จะหาที่เงียบเพื่อภาวนา ซึ่งเราจะพบได้เมื่อเรามีความสงบ

พี่น้องครับ บ่อยครั้งที่เราพบว่า เวลาที่เราพบพระได้ดี ก็ในเวลาที่เราสวดภาวนา 1. การภาวนาเป็นเครื่องหมายของการประทับอยู่ของพระเจ้า, การฟังพระองค์และมีประสบการณ์กับพระองค์ในชีวิตของเรา การสวดให้กำลังใจและให้ความมั่นใจและช่วยยืนยันกับเราว่า ในระหว่างที่เราเดินทางในโลก ตั้งแต่หนุ่มสาว จนเป็นผู้สูงอายุนั่นก็คือ การที่พระกำลังเรียกเรากลับบ้าน พระองค์ไม่ได้เรียกเราไปสู่ที่ที่ไม่มีใครเคยรู้จัก เหมือนกับอับราฮัมที่ถูกเรียก แต่พระองค์เรียกให้เราไว้ใจ เชื่อใจพระองค์จากเหตุการณ์ท้าทายความเชื่อในชีวิตของเรา

พี่น้องครับ ประโยชน์ของการสวดภาวนาก็คือ 2. การภาวนาช่วยให้เรามองดูโลกในสายตาของพระเจ้า เวลาที่เราสวด แน่นอนว่า ปัญหาไม่ได้รับการแก้ในทันทีทันใด ใช่ไหมครับ เรามาวัด สวดขอ กลับบ้านไปทุกอย่าง OK ก็ไม่ใช่ แต่ทำให้เราเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างกล้าหาญ คนที่อายุไม่มากแล้วเป็นมะเร็ง , บางคนต้องตัดขา หลายคนสวดภาวนาเพื่อให้โรคร้ายหายไป ซึ่งจริงแล้วมันก็ไม่หาย ถามว่า เมื่อโรคไม่หาย และความเชื่อเราหายไหม? การสวดขอพระช่วยอะไรเราได้ไหม? หากมองอย่างนี้ ปัญหาไม่ได้รับการแก้ในทันที แต่อาศัยการภาวนา ทำให้เรามองทุกสิ่งด้วยสายตาของพระ มิเช่นนั้น พระเยซูเจ้าจะสอนเรื่อง ความสุขแท้ 8 ประการทำไม? ความสุขแก่ผู้มีใจยากจน , ฯลฯ ไปทำไม

พี่น้องครับ เราทุกคนอยู่ในหนทางสู่เขากัลวารีโอเช่นเดียวกับพระเยซู และกำลังถูกทดสอบชีวิต ทดลองความเชื่อด้วยความผิดหวังนานัปการ แต่พระเยซูเจ้าสัญญาถึงพระอาณาจักรสวรรค์ในอนาคต ซึ่งต้องอาศัยการแบ่งปันความยากลำบากในเส้นทางเดียวกับพระองค์

พี่น้อง เราจะเป็นศิษย์แท้ของพระเยซูเจ้าได้ ก็โดยอาศัยการแบ่งปันความเชื่อ การช่วยเหลือกันและกัน ทำให้ครอบครัวของเราเป็นเพื่อนร่วมทางไปกัลวารีโอ พระเจ้าให้กำลังใจผู้อื่นโดยอาศัยเรา ไม่ได้ใช้วิธีที่ลึกลับ พิสดาร ปาฏิหาริย์อะไร? แต่เป็นคำพูดของมนุษย์และกิจการที่แสดงถึงความเมตตาที่เราแสดงออก

พี่น้องครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พ่อได้เชิญชวนให้พี่น้องได้มีข้อตั้งใจสำหรับการเดินทางในเทศกาลมหาพรตนี้สักคนละ 1 อย่าง ในสัปดาห์นี้พ่อจึงอยากจะเพิ่มเติมว่า เมื่อเราได้มีข้อตั้งใจแล้ว หากได้ปฏิบัติแล้ว ลองสังเกตดูว่า ในความพยายามของเรา จะมีบางสิ่งบางอย่างมาขัดขวางความพยายามของเรา พ่อไม่บอกว่าคืออะไร? พี่น้องลองสังเกตดูเองนะครับ

ขอให้พี่น้องฟังพระวาจาของพระ แล้วเข้าใจและนำไปปฏิบัติในชีวิต โดยมีความตั้งใจว่า ไม่ว่าจะลำบาก ไม่ว่าจะถูกรบกวนความตั้งใจเพียงใด เราก็ต้องพยายามต่อไป เพื่อร่วมเป็นหนึ่งเดียวในการเดินทางในเทศกาลมหาพรตพร้อมกับพระเยซู
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน