
วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม ค.ศ.2007
ครูอนุบาลคนหนึ่ง เล่าเรื่องคริสตมาสให้เด็กฟัง โดยเล่าเรื่องของคนเลี้ยงแกะและพญาสามองค์ เมื่อเล่าจบแล้ว เธอก็ถามเด็กๆ ว่า “เอาหล่ะ ไหนใครบอกได้ไหมว่า ใครคือผู้ที่ได้พบพระเยซูเจ้าเป็นคนแรก” เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งยกมือและตอบว่า “แม่พระค่ะ”
พี่น้องครับ แน่นอนว่า แม่พระเป็นบุคคลแรกที่ได้เห็นพระเยซูเจ้า คำตอบของเด็กๆเป็นสิ่งที่ง่ายๆไม่ซับซ้อน ผู้ใหญ่สามารถสังเกตดูสิ่งต่างๆ ได้มากมายมากกว่าเด็ก ผู้ใหญ่มองดูปรากฏการณ์,ฑูตสวรรค์ที่มาแจ้งข่าว,ดวงดาวที่นำทาง ฯลฯ แต่เราพลาดสิ่งสำคัญประการหนึ่งก็คือ การประทับอยู่ของพระเจ้า และการที่พระองค์ประทับอยู่ในชีวิตธรรมดาๆ ในสิ่งต่างๆรอบตัวเราและในชีวิตของเรา เด็กเล็กๆคนนี้ช่วยเราให้มองเห็น “สิ่งธรรมดาๆในชีวิต” ซึ่งเราจะได้มองเห็นพระเจ้า พระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงอุ้มชูเราไว้
พี่น้องครับ พระวรสารในวันนี้ เริ่มต้นด้วยประโยคที่ดูเรียบๆว่า “เรื่องราวการประสูติของพระเยซูเจ้าเป็นดังนี้”(มธ.1:18). แต่สำหรับชาวยิว เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะชาวยิวไม่เชื่อว่า พระแมสซิยาห์จะบังเกิดจากหญิงธรรมดาคนหนึ่ง, เป็นทารกธรรมดา ดังนั้นพวกฟารีสีจึงรอคอยพระแมสซิยาห์ซึ่งจะมาจากเมืองเบธเลแฮม พระแมสซิยาห์ถูกคาดว่า จะถูกหย่อนลงมาจากฟากฟ้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลานุภาพน่าเกรงขาม สถานที่ที่พระองค์จะลงมา คงเป็นภูเขาลูกใดลูกหนึ่ง หรือในพระวิหารใหญ่โต ดังนั้นเราจึงเข้าใจมากขึ้นว่า ซาตานได้มาผจญพระเยซูเจ้าด้วยเรื่องการโดดลงมาจากยอดพระวิหาร พวกยิวจึงไม่ค่อยเข้าใจหรือไม่คุ้นกับการที่พระแมสซิยาห์ ได้มาประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขาในแบบที่ธรรมดาๆ
พี่น้องครับ คำว่า พระเจ้าสถิตกับเรา พระเจ้าอยู่กับเรา ทำให้เรามานั่งคิดๆดูว่า เราคาดหวังอย่างไรกับการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางพวกเรา??? พระเจ้ายังคงทำงานของพระองค์ในท่ามกลางพวกเราอยู่หรือเปล่า? นี่คือเรื่องสำคัญ เพราะบางครั้งปัญหาอยู่ตรงที่ว่า พระเจ้าไม่ได้อยู่กับเรา? และเป็นเพราะว่า เราจำไม่ได้ว่า วิธีการที่พระเจ้าประทับอยู่กับเรา ทรงกระทำสิ่งต่างๆ เพื่อเรานั้น เป็นอย่างไร เหมือนในพระคัมภีร์ปฐมกาลที่ยาโคบตื่นขึ้นมาพูดว่า “พระเจ้าทรงสถิต ณ ที่นี้แน่ทีเดียว แต่ข้าหารู้ไม่”(ปฐก 28:16).
การรอคอยพระแมสซิยาห์ที่แสนยาวนาน, แสงสว่างส่องโลก,กษัตริย์ของชาวยิว,ที่โปรดปรานของชนทุกชาติทุกภาษา พระองค์มิได้ลงมาจากเมฆหรือมาตามสายฟ้าฟาด แต่พระองค์มาจากครรภ์ของหญิงชนบทคนหนึ่งเป็นเวลา 9 เดือน, 30 ปีที่พระองค์ดำเนินชีวิต เติบโตขึ้นมาจากทารก เด็กชาย,เป็นวัยรุ่น,เป็นผู้ใหญ่ สิ่งต่างๆเหล่านี้เตือนเราว่า พระเจ้าทรงประทับอยู่กับเราในชีวิตธรรมดาๆของเราทุกคน พระเจ้าทรงอยู่กับเรากับทุกๆคนที่อยู่รอบข้างเรา, เด็กๆ ที่กำลังเติบโต คนชราที่อายุมากขึ้น, คนเจ็บป่วยและคนที่ลาจากโลกนี้ไป พระองค์อยู่ในชีวิตธรรมดาๆของเราทุกคน
พี่น้องครับ เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะมองให้เห็นพระเจ้าในตัวของเพื่อนพี่น้องของเรา ที่ดูคล้ายคลึงไปกับเรา แต่ถ้าเรามองดูการบังเกิดของพระเยซู การรับเอาเนื้อหนังของพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งเป็นสะพานระหว่างสวรรค์และโลกของเรานี้ สะพานระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ สะพานแห่งพระหรรษทานและพระพรแห่งชีวิต, ระหว่างความศักดิ์สิทธิ์และชีวิตทางโลกธรรมดา, เรื่องราวการบังเกิดของพระเยซูคงช่วยให้เรามองเห็นการประทับอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเรามากยิ่งขึ้น
มีสุภาษิตของชาวไนจีเรีย เขาบอกว่า “จงฟังให้ดีดี แล้วท่านจะได้ยินเสียงฝีเท้าของมด” วันนี้เราทุกคนถูกเชิญชวนให้ฟังเสียงฝีเท้าของพระเจ้าที่พระองค์ก้าวเข้ามาสู่ชีวิตของเราในวิถีชีวิตแบบปกติและในช่วงเวลาปกติของชีวิตเรา ไม่จำเป็นต้องมองไปที่ยอดเขาสูงลิบสุดตา หรือมองไปที่ลึกที่สุดของท้องทะเล เพราะว่า “ด้วยว่า เรามีชีวิต และไหวตัว และเป็นอยู่ในพระองค์” (กจ 17:28).
ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น