
บทเทศน์ ส.33 เทศกาลธรรมดา ปี C
พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้า หากเราได้ฟังบทพระวรสารในวันนี้ พ่อเดาว่า เราคงรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะได้พูดถึงเรื่องการพิพากษา , การตัดสินลงโทษ , วาระสุดท้าย, การเบียดเบียน ฯลฯ
พี่น้องครับ ใน 1 สัปดาห์เราได้มีโอกาสมาหาพระอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง จากชีวิตที่ต้องทำงาน , รับผิดชอบครอบครัว พ่อดีใจที่พี่น้องได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีแล้ว เพราะนั่นกำลังสะท้อนถึงชีวิตนิรันดรที่เราบอกว่า เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่สิ่งนั้น การดำเนินชีวิตในปัจจุบันของเราก็กำลังมุ่งไปสู่ชีวิตนิรันดรนั้น
พี่น้องครับ พระเยซูยืนยันถึงเรื่อง “วันสิ้นโลก” ซึ่งจะต้องเกิดขึ้น เราเองในฐานะศิษย์ก็อาจมีความสงสัยว่า วันสิ้นโลกนั้น จะเกิดขึ้นเมื่อไร และอย่างไร มีสัญญาณอะไรบอกหรือไม่ แต่พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “ให้ระวังเสมอและอย่าหลงไปกับสถานการณ์ต่าง ๆ และคิดว่า จุดจบจะมาถึง” พี่น้องครับ สิ่งสำคัญกว่าที่พระเยซูเจ้าได้เน้นก็คือ จะมีเรื่องของความยากลำบาก, มีการเบียดเบียน ซึ่งเราจะพบว่า ไม่มีคำตอบเรื่องวันและเวลาว่าจะมาถึงเมื่อไร
พี่น้องครับ พระเยซูเจ้าขอให้เราเชื่อในพระองค์ เชื่อมั่นในพระองค์ ความเชื่อในพระองค์หมายความว่า การดำเนินชีวิตปัจจุบันด้วยความเชื่อ ออกแรง ทำงานด้วยความพากเพียร สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ เรากำลังหลงไปกับสถานการณ์ปัจจุบัน คริสตชนอยู่ในโลก แต่ไม่เป็นของโลก หมายความว่า เรารู้สถานการณ์ เราใช้ของในโลก เพื่อการเดินทางไปสู่ชีวิตนิรันดร
พี่น้องครับ พี่น้องเชื่อในเรื่องชีวิตนิรันดร ที่เราเรียกว่า “สวรรค์” แค่ไหนครับ, ความสุขนิรันดรอันจะได้มาจากการเจริญชีวิตคริสตชนด้วยความเชื่อมั่น เพียรทน และพยายามอย่างสุดสุด เพื่อเจริญชีวิตตามประสงค์ของพระเจ้า แต่สิ่งที่พระองค์เตือนเราไว้ก็คือ "การเบียดเบียนคือสิ่งที่ท่านคาดหวังได้จากการติดตามเรา" แต่พี่น้องอย่าลืมว่า ในความยากลำบากต่าง ๆ ในชีวิตของเรา ผู้ชอบธรรมจะได้เห็นพระสิริของพระเจ้า
“นรก” คือ เครื่องหมายของการปฏิเสธพระประสงค์พระเจ้า ที่ใดที่มีการทะเลาะกัน ที่ไหนที่ไม่มีความรักกัน เพราะสาเหตุต่าง ๆ , ที่ใดที่มีการปฏิบัติต่อกันไม่ดี นั่นชี้แสดงให้เห็น “นรก” นั่นเพราะที่นั่น ไม่มีพระเจ้าอยู่ ซึ่งสิ่งที่จะตามมาก็คือ ความพินาศ เราอาจดำเนินชีวิตและอาจรู้สึกว่า สิ่งต่าง ๆ เป็นไปไม่ค่อยดีนัก หากเราย้อนกลับไปดูว่า ในกิจการงานต่าง ๆ , ในครอบครัวของเรา, ในหัวใจลึก ๆ ของเรามีพระเจ้าอยู่ไหมในการกระทำ นั่นอาจเป็นคำตอบหนึ่งสำหรับเรา พี่น้องที่ยังไม่มีหนังสือ “พลังแห่งชีวิต” ก็รีบโทรไปขอและให้อ่านในช่วงแรก ๆ ที่มีบุคคลในสังคมออกมาพูดเกี่ยวกับ “พลังที่เขาได้รับจากพระเจ้า” มันเป็นเครื่องหมายสะท้อนถึงสิ่งที่เรากำลังหลงไป ซึ่งหากเราไม่มีพระเจ้า สิ่งที่ทำจะรู้สึกไร้ความหมาย ตอนที่พ่อบวช พ่อได้เลือกคติพจน์ประจำตัวว่า “ปราศจากพระเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถทำอะไรได้” นั่นคือ เราได้รับทุกสิ่งจากพระ เราใช้ทุกสิ่งได้ ความสามารถ การทำงาน แต่เราต้องไม่ลืมว่า นั่นคือสิ่งทีพระให้เรา มิใช่ของเรา หากสิ่งที่จะเกิดกับเรา เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เราก็คือน้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยเต็มใจ
พี่น้องครับ หากพี่น้องเชื่อมั่นในพระเจ้า และพี่น้องพยายามดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อมั่นในพระเจ้า วางใจในพระองค์ พี่น้องจะพรากจากพระองค์ในวาระสุดท้ายได้อย่างไร? พ่อเชื่อว่า นรกหรือการพรากจากพระเจ้านิรันดรมีอยู่จริง แต่คนที่จะตกนรกคงจะมีชนิดเดียวคือ คนที่ปฏิเสธพระเจ้าอย่างสิ้นเชิงว่า เขาไม่ต้องการพระองค์
พี่น้องครับ ถ้าพระเจ้าเป็นองค์ความดี เราทุกคนต้องการสิ่งดี เราชอบคนดี เราคงไม่ปฏิเสธพระเจ้า ยกเว้นแต่ว่า คนนั้นจะดำเนินชีวิตอย่างประมาทและขาดความรอบคอบในการเจริญชีวิตในความเชื่อต่อพระเจ้า
พี่น้องที่รักครับ ถ้าเราทุกคน ลูก ๆ ของพระ เจริญชีวิตด้วยคามรัก เพียรทนและสัตย์ซื่อในแต่ละวันของชีวิต พ่อเชื่อว่า พระสิริของพระเจ้า สวรรค์นิรันดร ได้เริ่มแล้ว ณ ชีวิตปัจจุบันที่ศักดิ์สิทธิ์และซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและชีวิตที่กลมกลืนในความดีกับเพื่อนมนุษย์
ขอให้พี่น้องทุกคนได้เริ่มสร้างสวรรค์ ณ แผ่นดินในจุดเล็ก ๆ ในชีวิตของพี่น้อง คือตัวเราเอง สร้างให้สวรรค์เกิดขึ้นทุกที่ ทุกแห่งที่พระประสงค์ของพระเจ้าได้รับการตอบรับและปฏิบัติ เหมือนกับที่เราสวดในบทข้าแต่พระบิดาทุกครั้งว่า “พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน.....”
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น