วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

บทเทศน์ ส.33 เทศกาลธรรมดา ปี C




บทเทศน์ ส.33 เทศกาลธรรมดา ปี C


พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้า หากเราได้ฟังบทพระวรสารในวันนี้ พ่อเดาว่า เราคงรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะได้พูดถึงเรื่องการพิพากษา , การตัดสินลงโทษ , วาระสุดท้าย, การเบียดเบียน ฯลฯ
พี่น้องครับ ใน 1 สัปดาห์เราได้มีโอกาสมาหาพระอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง จากชีวิตที่ต้องทำงาน , รับผิดชอบครอบครัว พ่อดีใจที่พี่น้องได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีแล้ว เพราะนั่นกำลังสะท้อนถึงชีวิตนิรันดรที่เราบอกว่า เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่สิ่งนั้น การดำเนินชีวิตในปัจจุบันของเราก็กำลังมุ่งไปสู่ชีวิตนิรันดรนั้น

พี่น้องครับ พระเยซูยืนยันถึงเรื่อง “วันสิ้นโลก” ซึ่งจะต้องเกิดขึ้น เราเองในฐานะศิษย์ก็อาจมีความสงสัยว่า วันสิ้นโลกนั้น จะเกิดขึ้นเมื่อไร และอย่างไร มีสัญญาณอะไรบอกหรือไม่ แต่พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “ให้ระวังเสมอและอย่าหลงไปกับสถานการณ์ต่าง ๆ และคิดว่า จุดจบจะมาถึง” พี่น้องครับ สิ่งสำคัญกว่าที่พระเยซูเจ้าได้เน้นก็คือ จะมีเรื่องของความยากลำบาก, มีการเบียดเบียน ซึ่งเราจะพบว่า ไม่มีคำตอบเรื่องวันและเวลาว่าจะมาถึงเมื่อไร


พี่น้องครับ พระเยซูเจ้าขอให้เราเชื่อในพระองค์ เชื่อมั่นในพระองค์ ความเชื่อในพระองค์หมายความว่า การดำเนินชีวิตปัจจุบันด้วยความเชื่อ ออกแรง ทำงานด้วยความพากเพียร สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ เรากำลังหลงไปกับสถานการณ์ปัจจุบัน คริสตชนอยู่ในโลก แต่ไม่เป็นของโลก หมายความว่า เรารู้สถานการณ์ เราใช้ของในโลก เพื่อการเดินทางไปสู่ชีวิตนิรันดร


พี่น้องครับ พี่น้องเชื่อในเรื่องชีวิตนิรันดร ที่เราเรียกว่า “สวรรค์” แค่ไหนครับ, ความสุขนิรันดรอันจะได้มาจากการเจริญชีวิตคริสตชนด้วยความเชื่อมั่น เพียรทน และพยายามอย่างสุดสุด เพื่อเจริญชีวิตตามประสงค์ของพระเจ้า แต่สิ่งที่พระองค์เตือนเราไว้ก็คือ "การเบียดเบียนคือสิ่งที่ท่านคาดหวังได้จากการติดตามเรา" แต่พี่น้องอย่าลืมว่า ในความยากลำบากต่าง ๆ ในชีวิตของเรา ผู้ชอบธรรมจะได้เห็นพระสิริของพระเจ้า


“นรก” คือ เครื่องหมายของการปฏิเสธพระประสงค์พระเจ้า ที่ใดที่มีการทะเลาะกัน ที่ไหนที่ไม่มีความรักกัน เพราะสาเหตุต่าง ๆ , ที่ใดที่มีการปฏิบัติต่อกันไม่ดี นั่นชี้แสดงให้เห็น “นรก” นั่นเพราะที่นั่น ไม่มีพระเจ้าอยู่ ซึ่งสิ่งที่จะตามมาก็คือ ความพินาศ เราอาจดำเนินชีวิตและอาจรู้สึกว่า สิ่งต่าง ๆ เป็นไปไม่ค่อยดีนัก หากเราย้อนกลับไปดูว่า ในกิจการงานต่าง ๆ , ในครอบครัวของเรา, ในหัวใจลึก ๆ ของเรามีพระเจ้าอยู่ไหมในการกระทำ นั่นอาจเป็นคำตอบหนึ่งสำหรับเรา พี่น้องที่ยังไม่มีหนังสือ “พลังแห่งชีวิต” ก็รีบโทรไปขอและให้อ่านในช่วงแรก ๆ ที่มีบุคคลในสังคมออกมาพูดเกี่ยวกับ “พลังที่เขาได้รับจากพระเจ้า” มันเป็นเครื่องหมายสะท้อนถึงสิ่งที่เรากำลังหลงไป ซึ่งหากเราไม่มีพระเจ้า สิ่งที่ทำจะรู้สึกไร้ความหมาย ตอนที่พ่อบวช พ่อได้เลือกคติพจน์ประจำตัวว่า “ปราศจากพระเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถทำอะไรได้” นั่นคือ เราได้รับทุกสิ่งจากพระ เราใช้ทุกสิ่งได้ ความสามารถ การทำงาน แต่เราต้องไม่ลืมว่า นั่นคือสิ่งทีพระให้เรา มิใช่ของเรา หากสิ่งที่จะเกิดกับเรา เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เราก็คือน้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยเต็มใจ


พี่น้องครับ หากพี่น้องเชื่อมั่นในพระเจ้า และพี่น้องพยายามดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อมั่นในพระเจ้า วางใจในพระองค์ พี่น้องจะพรากจากพระองค์ในวาระสุดท้ายได้อย่างไร? พ่อเชื่อว่า นรกหรือการพรากจากพระเจ้านิรันดรมีอยู่จริง แต่คนที่จะตกนรกคงจะมีชนิดเดียวคือ คนที่ปฏิเสธพระเจ้าอย่างสิ้นเชิงว่า เขาไม่ต้องการพระองค์
พี่น้องครับ ถ้าพระเจ้าเป็นองค์ความดี เราทุกคนต้องการสิ่งดี เราชอบคนดี เราคงไม่ปฏิเสธพระเจ้า ยกเว้นแต่ว่า คนนั้นจะดำเนินชีวิตอย่างประมาทและขาดความรอบคอบในการเจริญชีวิตในความเชื่อต่อพระเจ้า


พี่น้องที่รักครับ ถ้าเราทุกคน ลูก ๆ ของพระ เจริญชีวิตด้วยคามรัก เพียรทนและสัตย์ซื่อในแต่ละวันของชีวิต พ่อเชื่อว่า พระสิริของพระเจ้า สวรรค์นิรันดร ได้เริ่มแล้ว ณ ชีวิตปัจจุบันที่ศักดิ์สิทธิ์และซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและชีวิตที่กลมกลืนในความดีกับเพื่อนมนุษย์
ขอให้พี่น้องทุกคนได้เริ่มสร้างสวรรค์ ณ แผ่นดินในจุดเล็ก ๆ ในชีวิตของพี่น้อง คือตัวเราเอง สร้างให้สวรรค์เกิดขึ้นทุกที่ ทุกแห่งที่พระประสงค์ของพระเจ้าได้รับการตอบรับและปฏิบัติ เหมือนกับที่เราสวดในบทข้าแต่พระบิดาทุกครั้งว่า “พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน.....”

ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน


วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

สมโภชนักบุญทั้งหลาย



พี่น้องครับ ทำไมเราจึงต้องมีการฉลองนักบุญทั้งหลาย เพราะตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เราก็มีการฉลองท่านบรรดานักบุญต่างๆ มากมายแล้ว พ่อจึงขอแบ่งปันเหตุผล 2 ประการที่สำคัญในการฉลองนักบุญทั้งหลายคือ
1.ในการฉลองนักบุญทั้งหลายในตลอดทั้งปีนั้น เรายังมีนักบุญอีกหลายท่าน ยังมีมรณสักขีอีกหลายท่าน, ทั้งชาย-หญิง-เด็ก ที่อยู่ในสวรรค์ที่เราไม่ได้มีวันฉลองให้ท่านเหล่านั้น หลายๆท่านเป็นญาติพี่น้องของเรา ปู่ย่าตายายที่เป็นแบบอย่างทางความเชื่อของเรา วันนี้เราจึงระลึกถึงท่านเหล่านั้น ดังนั้นในวันนี้เราจึงอาจเรียกได้ว่า เราฉลองนักบุญที่ “เราไม่รู้จัก” เราฉลองสิ่งที่บทอ่านที่ 1 บอกว่า “หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นนิมิตประชาชนมากมายเหลือคณานับจากทุกชาติ ทุกภาษา ทุกเผ่า ทุกประเทศ กำลังยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ ทุกคนสวมเสื้อขาวถือกิ่งปาล์ม”

2. การฉลองนี้ทำให้เรามองดูถึงชีวิตนิรันดร เป็นเป้าหมายของเรา นักบุญที่เราฉลองเป็นชายและหญิงเหมือนกับเรา ชีวิตของเราแต่ละคนเริ่มต้นตั้งแต่เรายังไม่เกิด และไม่ได้ถูกจำกัดแค่วันเกิดหรือวันตายของเราเท่านั้น แต่เริ่มต้นตั้งแต่ก่อนเรากำเนินจนถึงวันที่เราตายไป นั่นคือสิ่งที่เราไม่ลืมบรรดาผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว นักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออร์ บอกว่า เธอต้องใช้ชีวิตด้วยการทำความดีในโลกนี้ เพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร? ในสายตาของเราทุกคน ท่านได้ตายและจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ เรารู้ว่า ท่านยังมีชีวิต เพราะท่านมีชีวิตอยู่กับพระเจ้า ท่านมีชีวิตมากกว่าเพราะชีวิตของท่านร่าเริง ยินดีบนความทุกสาหัสของท่านเอง, ความเจ็บป่วย,บาปและความตายของตัวท่าน

พี่น้องครับ การที่เราจะมีชีวิตแบบท่านนักบุญนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง “คนที่กล่าวแก่เราว่า พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่พระอาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้” แล้วเราจะดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าอย่างไร? คำตอบอยู่ในพระวรสารในวันนี้แล้วครับ “ความสุขแท้จริง” พระเยซูได้มอบให้กับศิษย์เพื่อเป็นหนทางไปสู่ความสุขนิรันดร นักบุญทั้งหลายที่เราฉลอง ได้เดินทางด้วยความยากลำบากและไปทางแคบๆแห่ง “ความสุขแท้” เพื่อไปพบความสุขในสวรรค์ ในวันฉลองนี้ พระศาสนจักรเชิญชวนเราและท้าทายเราให้เดินอย่างดี, ไม่ใช่แค่พูดกับพูด แต่ต้องทำด้วย

ความสุขแท้จริงนี้ เป็นหนทางสำหรับชีวิตของเราคริสตชน เชิญชวนเราให้เป็นคนยากจน,เป็นผู้โศกเศร้า,ผู้ถ่อมตนและผู้หิวกระหายความยุติธรรม ทั้งหมดนี้เพื่อให้เรามีความเมตตาต่อผู้อื่น เป็นหญิง-ชายที่มีความบริสุทธิ์ในจิตใจ และเป็นผู้สร้างสันติกับผู้อื่น ในครอบครัวและในสังคมของเรา แม้ว่าจะได้รับการเบียดเบียนในเรื่องต่างๆก็ตาม ไม่มีนักบุญท่านใดที่ทำสิ่งเหล่านี้เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย หรืออำนาจหรืออยากได้รับความนิยมชมชอบ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ท่านมองไปข้างหน้าถึงรางวัลแห่งชีวิตนิรันดรซึ่งพระเจ้าจะประทานให้สำหรับผู้ที่เชื่อในพระองค์หลังจากจบชีวิตบนโลกนี้

พี่น้องครับ วันนี้เราได้รับการเชิญให้เดินในหนทางของนักบุญ หนทางแห่งความสุขแท้ ทางที่เป็นทางแคบๆและยากลำบาก เราจำเป็นต้องมีความเชื่อและความกล้าหาญที่จะก้าวเดินไป ตัวอย่างของบรรดานักบุญทั้งหลายและคำภาวนาของท่าน ให้กำลังใจเราทุกคนและช่วยเหลือเรา น.เอากุสตินเองก็พบว่า การเจริญชีวิตด้วย “ความสุขแท้จริง” นี้ก็ยากยิ่งนัก แต่เมื่อท่านได้อ่านประวัติของนักบุญทั้งหลายแล้ว ท่านได้พูดว่า “ทำไมชาย-หญิงเหล่านี้ถึงทำสิ่งเหล่านี้ได้, ทำไมข้าพเจ้าจึงทำไม่ได้?” ทำไมจะทำไม่ได้ ความเชื่อนั่นเองที่รับประกันเราว่า ผู้ที่ได้รับเรียกจากพระเยซูเจ้าและได้พยายามเจริญชีวิตในหลัก “ความสุขแท้จริงนี้” ในวาระสุดท้ายของชีวิต เราจะได้ยินเสียงของพระบิดาเจ้าว่า “นายพูดว่า ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด”

ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคน