วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ส.3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ปี C - 13-12-2009




Don't Worry Be Happy?


1. สวัสดีพี่น้องที่รัก ในบทอ่านที่สองในวันนี้ น.เปาโลให้มุมมองที่สำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะสามารถนำมาปฏิบัติในชีวิตของเราได้ "พี่น้อง จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาเถิด”(ฟป.4:4) และ "อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย”.(ฟป.4:6) ความหมายคล้ายๆกับเพลงฮิตของ Bobby Mcferin ที่ชื่อว่า, Don't Worry Be Happy?

2. แม้ว่าเราจะอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยของเล่นมากมาย , ความสะดวกสบายต่างๆมากมาย แต่มีผู้คนเป็นจำนวนมากที่มีความรู้สึกว่า เขาขาดประสบการณ์แห่งสันติสุขที่แท้จริงในชีวิตของพวกเขา ตรงกันข้าม เขากลับมีแต่ชีวิตที่เต็มไปด้วยความกังวลใจในเรื่องต่างๆและความวิตกกังวลมากมาย ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหา อย่างกับเพลงของ บอบบี้ ได้บอกว่า
“อย่าไปกังวลในเรื่องใดใด จงมีความสุขเถิด”
• ทุกชีวิตมีปัญหา เมื่อเรากังวล เราก็ทำให้มันเพิ่มเป็นสองเท่า ฉะนั้น อย่ากังวลเลย จงมีความสุขเถิด
• ถ้าหากเธอไม่มีที่จะหนุนศีรษะนอน มีคนมาขโมยที่นอนของเธอไป จงอย่ากังวลเลย จงมีความสุขเถิด

3. พี่น้องครับ ทั้ง น.เปาโล และบ๊อบบี้ มีสิ่งที่แตกต่างกันก็คือ บ๊อบบี้บอกเราว่า อย่ากังวลเลย จงมีความสุขเถิด แต่ไม่ได้บอกเราว่า ทำไมเราต้องมีความสุข หรือ การไม่ต้องกังวลนั้นสำคัญอย่างไร? ตรงกันข้าม น.เปาโล บอกเราในวันนี้ ว่า ทำไมเราจึงต้องมีความสุข และ เราจะลบล้างความกังวลต่างๆให้หมดไปได้อย่างไร น.เปาโลได้ให้กุญแจที่จะไขไปสู่ความสุขนั้นแก่เราทุกคน.

4. ในส่วนแรกของบทอ่านในวันนี้ บอกกับเราว่า ทำไมเราจึงต้องมีความสุขและละทิ้งความกังวลใจทั้งหลาย "จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาเถิด, ข้าพเจ้าขอย้ำอีกว่า จงให้ความอ่อนโยนของท่านทั้งหลายปรากฏแก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาใกล้แล้ว” (4:4-5). เราควรจะมีความสุขมิใช่เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดีชีวิตเราโอเคแล้ว , มิใช่เพราะสุขภาพเราดี ,ฐานะการเงินของเราดี, มิใช่เพราะมีคนเอาของขวัญคริสตมาสกล่องใหญ่ๆ มาให้เรา แต่เป็นการที่เรารู้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาใกล้แล้ว”

5. เราควรที่จะมีความสุข มิใช่เพราะสิ่งที่เราเห็นผ่านมาในอดีต หรือสิ่งที่เราเห็นเฉพาะในวันนี้ แต่เพราะสิ่งที่เราเชื่อว่ากำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต นั่นคือ ความสุขซึ่งมาจากความเชื่อที่ผลิบานและ ความหวังว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเสด็จมาเช็ดคราบน้ำตาของทุกดวงตาที่กำลังร้องให้

6. ชายคนหนึ่ง ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว ก่อนที่ชายคนนี้จะตาย 1 สัปดาห์ ชายคนนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “ทำไมต้องเป็นผม? ผมไม่เคยสูบบุหรี่, หรือแตะต้องแอลกอฮอล์เลยตลอดชีวิต ผมรู้จักคนหลายคนที่ทั้งดื่มและสูบ และดำเนินชีวิตแบบผิดๆ แต่พวกเขาก็ไม่เป็นมะเร็งเลยสักคน แล้วทำไมต้องเป็นผมด้วย"

7. ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้ แต่ น.เปาโล ก็ย้ำเตือนเราในวันนี้ว่า การเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นจะเป็น ความสุขสำหรับผู้ที่เชื่อและมีความหวังในพระองค์

8. ทำไม น.เปาโล จึงบอกเช่นนั้น หากเราศึกษาชีวิตของท่าน เราก็จะรู้ว่า ทำไมท่านจึงเขียนเช่นนั้น เพราะ น.เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้จากในคุก เป็นนักโทษ อยู่ในที่ที่ท่านก็ไม่รู้ว่า จะได้ออกไปจากคุกหรือเปล่า หรือจะมีชีวิตรอดออกไปหรือไม่ ท่านไม่ได้สอนเราด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ท่านสอนเราด้วยชีวิตของท่านเอง "จงชื่นชมยินดีเถิด จงให้ความอ่อนโยนของท่านทั้งหลาย ปรากฏแก่คนทั้งปวงองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาใกล้แล้ว”

9. น.เปาโลบอกว่า "อย่ากระวนกระวายถึงสิ่งใดเลย จงทูลขอพระเจ้าให้ทรงทราบ โดยคำอธิษฐาน การวอนขอ พร้อมด้วยการขอบพระคุณ" (4:6) ในทุกสถานการณ์,ในทุกๆ ความยากลำบากหรือปัญหาใดใด น.เปาโลรู้ว่า มีสิ่งหนึ่งที่เราควรทำมากกว่า ความกระวนกระวายก็คือ การยกสิ่งต่างๆ มอบให้กับพระเจ้าในคำภาวนา น.เปาโล ไม่ได้ขอให้เราปฏิเสธปัญหาหรืออุปสรรคในชีวิต แต่ขอให้เราตั้งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา ด้วยการสวดภาวนา เปลี่ยนความกังวลนั้นเป็นคำภาวนา

10. นั่นหมายถึงการทีเราสามารถ มีชีวิตที่เป็นสุขได้ สุขสันติในพระเจ้า ซึ่งคนรอบข้างเราไม่เข้าใจ "แล้วสันติสุขของพระเจ้า ซึ่งเกินสติปัญญาจะเข้าใจได้นั้น จะคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่านไว้ในพระคริสตเยซู" (4:7). เป็นสันติสุขที่พระเจ้าประทานให้ สันติสุขที่ไม่เหมือนกับที่โลกให้ และเราทุกคน เรียนรู้ที่จะวางใจในพระองค์ในทุกสิ่งและทุกๆ สถานการณ์ของชีวิต เราเรียนรู้ที่จะนำทุกสิ่งถวายแด่พระเจ้าในคำภาวนาของเรา

11. ไม่ว่าในเวลานี้ เราจะพบกับอุปสรรคและปัญหาที่ใหญ่โตเพียงใด เราก็ภาวนาด้วยความร่าเริงยินดีและด้วยความมั่นใจเช่นเดียวกับ นักโทษเปาโลในเวลานั้นที่ภาวนาว่า “เชิญเสด็จมาเถิด พระเยซูเจ้าข้า”

ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน .....

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ส.2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี C - 06-12-2009




สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน
พระสงฆ์บวชใหม่องค์หนึ่งถูกส่งไปทำงานเพื่อเป็นปลัดของพระสงฆ์อาวุโสที่วัดแห่งหนึ่ง พระสงฆ์หนุ่มก็เข้าไปขอคำแนะนำ พระสงฆ์หนุ่มถามว่า “พ่อครับ ผมจะต้องเทศน์เกี่ยวกับเรื่องอะไรดีครับ?” พระสงฆ์อาวุโสตอบว่า “ให้เทศน์แค่สิบนาทีพอ”
หลายปีผ่านไป ก็มีพระสงฆ์อีกองค์หนึ่งไปทำงานที่ประเทศฝรั่งเศสในช่วงฤดูร้อน ก็ได้รับคำแนะนำจากพระสงฆ์อาวุโสที่นั่นว่า ให้เทศน์และทำมิสซาให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคนที่มาวัดเขาไม่ชอบเสียเวลานานๆในวัด พระสงฆ์องค์นั้นก็ทำตามด้วยดี
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดเรื่องประหลาดใจ เมื่อมีวงขับร้องประสานเสียงจากประเทศอังกฤษมาแสดงผลงานเพลง “แมสไซยาห์” ของแฮนเดิล โดยวงนั้นมาขับร้องในวัด และใช้เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง ทุกคนในวัดก็ยังปรบมือขอให้วงขับร้องนั้น ร้องเพลงต่อไป
พระสงฆ์องค์นั้นบอกว่า ไม่เคยเห็นสัตบุรุษมีความชื่นชมยินดีขนาดนี้มาก่อนในวัดแห่งนั้น ไม่เคยเห็นความกระตือรือร้นเช่นนั้นมาก่อนเลย พระสงฆ์หนุ่มก็เลยถามพระสงฆ์อาวุโสว่า “ทำไมสัตบุรุษสามารถที่จะนั่งในสถานที่เดียวกันได้ถึงสามชั่วโมง เพื่อฟังด้วยความยินดีกับวงขับร้องประสานเสียง แต่ไม่สามารถนั่งในที่เดียวกันเดียวกัน เมื่อเขาฟังพระวาจาของพระเจ้าในมิสซา?” และไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้

พระสงฆ์หนุ่มนั้นก็ได้แต่คิด แต่ก็ได้คำตอบในอีกหลายปีต่อมาจากเพื่อนซึ่งเป็นอาจารย์ในโรงเรียนสอนเรื่องการแพร่ธรรม สิ่งที่ทำให้พระสงฆ์หนุ่มนั้น เข้าใจในบัดเดี๋ยวนั้นก็คือ เพื่อนของเขาบอกว่า สัตบุรุษนั้นจำเป็นต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้าในชีวิตของเขาก่อน ก่อนที่เขาจะได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า เขาถึงจะฟังพระวาจาของพระเจ้าด้วยความยินดี
เพื่อนเขาบอกอีกว่า การประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้กับคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า คนที่ไม่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า ก็เหมือนกับการอ่านบทกลอน บทกวีให้กับคนที่ไม่ซาบซึ้งหรือไม่รู้จักบทกวีว่าเป็นอย่างไรนั่นเอง เพราะพวกเขาก็จะเบื่อง่ายและต้องการที่จะรีบๆ ออกจากวัดไป

พี่น้องครับ ถ้าอย่างนั้น ทำอย่างไรที่เราจะเปลี่ยนความน่าเบื่อที่จะฟังพระวาจาของพระองค์ ให้เป็นความชื่นชมยินดีและความกระตือรือร้นได้ วันนี้ น.ยอห์น บัปติส เป็นตัวอย่างสำหรับเราแล้วในวันนี้

เมื่อเราอ่านพระวาจาในวันนี้ "พระวจนะของพระเจ้ามาถึง ยอห์น บุตรของเศคาริยาห์ ในถิ่นทุรกันดาร เขาจึงไปทั่วแม่น้ำจอร์แดน เทศน์สอนเรื่องพิธีล้างซึ่งแสดงการเป็นทุกข์กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป” (ลก 3:2-3).
ในพระวาจาสั้นๆ ที่พ่ออ่านให้ฟังนี้ เราพบสามขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับใครก็ตามที่ต้องการจะมีความกระตือรือร้นในความเชื่อสามขั้นตอนนั้นคือ
1. ยอห์นไปที่ทะเลทราย
2.พระวาจาของพระเจ้ามาถึงยอห์น
3.ยอห์นออกจากทะเลทรายและไปประกาศความเชื่อของเขา เราจึงมาปรับชีวิตของเราให้มีชีวิตชีวาด้วย 3 ขั้นตอน
ขั้นที่ 1 เราต้องไปทะเลทราย , ทะเลทรายเป็นสถานที่ซึ่งเราจะได้อยู่ตามลำพังกับพระเจ้า เราไปทะเลทรายเพื่อออกจากภารกิจการงานปกติ และละทิ้งงานทุกอย่างไว้เพื่อไปอยู่กับพระเจ้าในวัด , ในการสวดภาวนา และอ่านพระวาจาของพระองค์ ทะเลทรายคือที่ที่เราจะได้พบกับพระเจ้า เราต้องเริ่มด้วยขั้นที่ 1 นี้ก่อนเพื่อจะได้ไปหาพระเจ้าได้ (ทะเลทรายนี้น่าจะหมายถึงสถานที่เงียบๆ สงบๆ ที่เราจะได้สวด อ่านพระคัมภีร์ ได้อย่างดีและสงบเพื่อฟังเสียงของพระเจ้า..ผู้แปล)
ขั้นที่ 2 - พระวาจาของพระเจ้ามาถึงเรา เมื่อเราเปิดใจให้กับพระเจ้าในทะเลทราย พระองค์เองก็มาหาเราและเติมเต็มชีวิตให้เรา นักบุญท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า เมื่อเราเริ่มขั้นที่ 1 พระเจ้าจะทรงเริ่มขั้นที่ 2 กับเรา ขั้นนี้ พระเจ้าทรงเริ่มมาหาเรา เติมเต็มให้เรา ฟื้นฟูชีวิตของเรา เปลี่ยนแปลงเรา เพื่อให้เรามีส่วนละม้ายคล้ายคลึงพระองค์ยิ่งขึ้นไปอีก ขั้นนี้บางคนบอกว่า ได้เกิดใหม่อีกครั้ง เมื่อเราสัมผัสพระเจ้าได้เช่นนี้ เราจึงอยากจะสวดภาวนาทั้งวันในวัด อ่านพระคัมภีร์ทั้งวัน แต่เช่นเดียวกับยอห์น เราเองก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของเราในครอบครัวและในสังคม
ขั้นที่ 3 - เราออกไปประกาศความเชื่อ เมื่อเรามีประสบการณ์กับความดีงามของพระเจ้าในชีวิตของเรา เราก็ออกไปเพื่อแบ่งปันประสบการณ์นั้นให้กับผู้อื่น เหมือนกับถ้าเรามีเสื้อตัวหนึ่งที่ สกรีนตัวอักษรติดเอาไว้ว่า “ว้าว, พระเจ้านั้นสุดยอด” คนที่มองดูเราก็เห็นความชื่นชมยินดี สันติสุขจากเรา และบางทีเขาก็อาจจะได้รับความยินดีเช่นเดียวกับเรา เขาอาจจะอยากเป็นเพื่อนกับเรา และเมื่อเราสามารถช่วยเขาเหล่านั้นให้เห็นหนทางของพระเจ้าได้ ให้เขาได้มีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระองค์ได้ แต่บางทีเขาก็อาจไม่เข้าใจ จนกว่าเขาจะมีประสบการณ์นี้ด้วยตนเอง
พี่น้องครับ ให้เราภาวนาในวันนี้ว่า “พระเจ้าทรงพละกำลังและเปี่ยมด้วยพระเมตตา โปรดเปิดใจของเราให้ต้อนรับพระองค์ โปรดขจัดสิ่งที่ขัดขวางเราไม่ให้ยอมรับพระองค์ด้วยความชื่นชมยินดีด้วยเถิด”
ในโอกาสเทศกาลเตรียมรับเสด็จนี้ ขอให้เป็นขั้นแรกที่เราจะมีที่ว่างในใจสำหรับพระเจ้า ให้เวลาสำหรับการมาวัด เพื่อภาวนา และฟังพระวาจาของพระองค์ด้วยเทอญ

ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน