วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ส.33 เทศกาลธรรมดา ปี B - 15-11-2009



1. สวัสดีพี่น้องที่รัก ตอนนี้ที่แม่สอด อากาศตอนเช้าก็เริ่มหนาวแล้ว เป็นเครื่องหมายถึงการสิ้นสุดฤดูอื่นๆ และเข้าสู่ปลายปีพิธีกรรม ทุกๆ เดือนพฤศจิกายน พระศาสนจักรเชิญชวนเราให้หยุดคิดและไตร่ตรองชีวิตอย่างจริงจัง พระศาสนจักรเตือนใจเราด้วยเรื่องของ วันสิ้นโลก, การพิพากษาครั้งสุดท้ายและการเสด็จกลับมาอีกครั้งของพระเยซูในพระสิริรุ่งโรจน์

2. เมื่อพี่น้องได้ฟังพระวรสารในวันนี้แล้ว อาจมีความรู้สึกว่า เหตุการณ์ที่พระเยซูทรงบอกในวันนี้นั้น น่ากลัว แต่พระวรสารในวันนี้ไม่ได้ต้องการให้เรากลัว หรือตกใจ แต่ให้ “กำลังใจ” และ “ปลอบโยน” รวมถึงให้ความหวังเราในการต่อสู้กับชีวิตที่ยากลำบาก
3. สิ่งที่เป็นหัวใจของพระวรสารในวันนี้ก็คือ ความรักของพระเจ้าจะชนะทุกสิ่งทุกอย่างเหนืออำนาจที่ชั่วร้ายและจะเติมเต็มสิ่งที่ถูกต้อง พระเจ้าทรงอยู่ข้างเราและจะมองดูเราผ่านทางปัญหาต่างๆ ในชีวิตปัจจุบันของเรา

4. พี่น้องครับ เราดำเนินชีวิตในโลกนี้ เราก็มีจุดมุ่งหมายแตกต่างกันออกไป เราอยากมีความสุข, มีชีวิตที่ดี, มีครอบครัวที่อบอุ่น ฯลฯ แต่ก็จะถึงวันหนึ่งที่เราจะจากโลกนี้ไป มันจะถึงวันสิ้นสุดของชีวิตของเราบนโลกนี้ ซึ่งเป็นสัจธรรมที่ไม่มีใครหนีมันพ้นไปได้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว เราก็จะไปพบกับพระเจ้าแบบหน้าต่อหน้า ตามความเชื่อที่พระศาสนจักรสอนเรา

5. พี่น้องครับ มีที่ที่หนึ่งที่ทุกวันนี้เราไม่ค่อยพูดถึงกัน ก็คือ นรก เป็นเหมือนคำต้องห้ามและไม่มีใครอยากพูดอยากไป แต่เป็นไปได้ว่า ถ้าหากชีวิตของเราประสบปัญหาต่างๆ,ความยากลำบากและเราไม่พึ่งพระเยซู เราทิ้งพระองค์ไปและในวันสุดท้าย เราไม่ถูกเรียกเข้าไปอยู่กับพระองค์ในวันสุดท้าย นรกนั้นอาจหมายถึง การแยกจากกันนิรันดรจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นความรัก, ความบรรเทา และอยู่ห่างไกลจากพระเมตตาของพระองค์ คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดและเป็นการละทิ้งโอกาสของเรา ด้วยการปฏิเสธพระเมตตาของพระองค์

6. พี่น้องครับ แต่มีสิ่งหนึ่งก็คือ พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างเรามาก็จริง แต่พระองค์เคารพต่ออิสระภาพของเรา หมายความว่า พระองค์ให้เราเลือกเอาเองว่า เราจะดำเนินชีวิตนี้อย่างไร? จะมาหาพระองค์ก็ได้ ไม่มาก็ได้ แต่ถ้าหากในวันสุดท้ายที่พระเยซูเจ้าทรงเสด็จมา เราได้ยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ มันก็ขึ้นอยู่ว่า เราดำเนินชีวิตในปัจจุบันนี้อย่างไร

7. พี่น้องครับ สมัยก่อนนี้มีเพลงๆ ที่เราร้องในพิธีมิสซาปลงศพ แต่ปัจจุบันเราไม่ร้องเพลงนี้กันแล้ว นั่นคือ เพลงที่เวลาร้องแล้วจะลงท้ายด้วยคำว่า “ประพฤติอย่างไร สิ้นใจอย่างนั้น” ก็คงจะเตือนใจอะไรบางอย่างให้กับเราได้ แต่คงไม่ใช่การบอกว่า คนที่ตายนั้นที่ตายเพราะอะไร แต่เตือนคนที่ยังอยู่ว่า ให้ดำเนินชีวิตของตนให้ดีดี เพื่อจะได้รับเรียกให้อยู่ต่อหน้าพระคริสตเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จกลับมา

8. พี่น้องครับ พระคริสตเจ้าเสด็จมายังเราทุกวัน ด้วยการมอบชีวิตพระองค์เอง ให้ชีวิต,คำสอน,พระวาจา และชวนให้เราเลือกข้างเดียวกับพระองค์ ถ้าพี่น้องมีพระเจ้าในใจ ไปไหนก็มีพระเจ้า สวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราแล้ว

9. ในโอกาสที่เรากำลังสิ้นปีของพระศาสนจักร และจะสิ้นปีเก่า เข้าสู่ปีใหม่ พ่อเชิญชวนเรา ให้หาเวลาเงียบๆ รำพึงภาวนา ,ไตร่ตรองถึงชีวิตของเราแต่ละคน, ฟังเสียงของพระเจ้าที่ตรัสกับเรา แต่บางครั้งเราไม่ได้ฟัง หรือไม่ยอมที่จะฟัง เพื่อเราจะได้มองดูว่า ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้านั้นเป็นอย่างไร ยังสนิทแน่นแฟ้นกันดี หรือยิ่งวันยิ่งห่างกันไป แล้วเราจะดำเนินชีวิตของเราอย่างไรต่อไป ก็ขอพละกำลังจากพระองค์ เพื่อให้เราได้เจริญชีวิตอย่างรู้ว่า วันหนึ่งเราต้องไปอยู่ต่อหน้าพระองค์ และเมื่อเราแต่ละคนได้ตระหนักแล้วว่า วันหนึ่งเราต้องจากโลกนี้ไป เราก็พร้อมที่จะตอบกับพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้าข้า ลูกพร้อมแล้ว”

10. ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะคุณพ่อ ชอบบทเทศน์นี้มาก