วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ส.1 เื๋ทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี C - 28-11-2009





สวัสดีพี่น้องที่รัก
1. หากเราสังเกตุดูประวัติศาสตร์การเขียนพระวรสารของ น.มารโก และ น.ลูกา ถ้าเราสังเกตดูดีดีก็จะพบว่า เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว เนื้อหาของพระวรสาร จาก น.มารโก ก็คล้ายๆ กับพระวรสารของ น.ลูกาในวันนี้ นั่นเป็นเพราะว่า น.ลูกานั้น เขียนพระวรสารหลังจาก น.มารโกได้เขียนพระวรสารไปแล้ว จึงเดาได้ว่า น.ลูกา ได้รู้จักสิ่งที่ น.มารโกได้เขียนแล้ว ท่านก็เลยได้เพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้าไป เพราะท่านได้อยู่ในสถานการณ์ที่ชาวยิวกำลังประสบพบเจอ
2. ภายหลังจากที่พระเยซูเจ้าได้สิ้นพระชนม์ และกลับคืนชีพแล้ว วันเวลาก็ล่วงผ่านและอิสราเอลในเวลานั้นถูกปกครองโดยจักรวรรดิ์โรมัน ก็ได้ถูกทำลายลง พระวิหารก็ถูกทำลายไปด้วย จึงทำให้เกิดวิกฤตแห่งความเชื่อ เพราะเวลานั้นทุกคนคาดหวังว่า จะถึงเวลาสิ้นโลก แต่มันก็ไม่สิ้นโลก หลายๆ ก็เลยเลิกเชื่อเรื่องการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้า พวกนี้ก็เลยหันไปหาความพึงพอใจฝ่ายโลก เช่น กินดื่มเมามาย และก็ประพฤติผิดในด้านศีลธรรมต่างๆ เพื่อสนองความต้องการของตนเอง
3. น.ลูกา จึงได้เพิ่มเติมเนื้อหาสำคัญไว้ส่วนหนึ่ง ซึ่งยังคงเตือนใจเราทุกคนในวันนี้ด้วยว่า “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความกังวลถึงชีวิตนี้ มิฉะนั้น วันนั้นจะมาถึงท่านอย่างฉับพลัน”
4. เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นเวลาแห่งการเตรียมพร้อมรับการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระคริสตเจ้า โดยทั่วไปเราเข้าใจกันว่า พระองค์จะเสด็จกลับมาในวันสุดท้าย(วันสิ้นโลก) และในการฉลองการบังเกิดของพระองค์ ซึ่งทำให้เราระลึกถึงเหตุการณ์การบังเกิดของพระเยซูเจ้าเมื่อ 2000 ปีที่แล้ว
5. นอกจากนั้น ในวันนี้ พระวรสารของ น.ลูกาในวันนี้ ยังย้ำเตือนให้เราคิดถึงเสด็จมาอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเราอาจจะลืมไป นั่นคือ การที่พระองค์เสด็จมาในเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของเรา ในผู้คนมากมายรอบตัวเรา
6. น.ลูกาได้เน้นย้ำว่า เราควรจะต้องเฝ้าระวังชีวิตของเรา และเตรียมต้อนรับพระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งมาหาเราโดยไม่มีการบอกหรือเตือนว่า พระองค์จะเสด็จมาเมื่อไร พระองค์อาจจะมาในรูปแบบของบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา , พระองค์อาจมาในรูปแบบของสถานการณ์ต่างๆ ในเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า พระองค์จะมาเมื่อใด
7. พี่น้องครับ ถ้าหากว่าเรากำลังเตรียมต้อนรับการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระคริสตเจ้าด้วยการมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พระวาจาในวันนี้ก็เชิญชวนเราให้มองออกไป ให้มองออกไปในเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของเราและระลึกว่า พระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาให้รูปแบบที่เราคาดไม่ถึงเลย
8. การเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีแล้วปีเล่า มิใช่เป็นเพียงการระลึกถึงการเสด็จมาครั้งแรกเมื่อ 2000 กว่าปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการที่เราจะต้องฝึกซ้อมการรับเสด็จพระคริสตเจ้า ผู้ที่เสด็จมาพบปะกับเราในลักษณะต่างๆ เช่น ผ่านทางศีลมหาสนิท และพระวาจาของพระองค์ ซึ่งเท่ากับเป็นการเตรียมตัวรับพระองค์ ผ็ที่จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
9. ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สมโภชพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล- 22-11-2009



นี่หรือคือกษัตริย์ของเรา

สวัสดีพี่น้องที่รักทุกท่าน

• วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีพิธีกรรม พระศาสนจักรได้นำพระวาจาของวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์มาให้เรารำพึงถึงเรื่องราวชีวิตของพระเยซู ภาพที่พระเยซูทรงยืนอยู่ต่อหน้า ปีลาโต ที่พยายามปรักปรำพระองค์ให้ทรงรับข้อหาการเป็นกษัตริย์

• พระเยซูเจ้าทรงยอมรับว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ แต่มิใช่กษัตริย์ของโลกนี้ ชีวิตของพระองค์มิได้จำกัดอยู่แค่ในโลกนี้ พระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ที่ครองจิตวิญญาณของประชาชน ปกครองด้วยความจริงและความรัก พระองค์ทรงสัมผัสจิตใจของเราแต่ละคนและรับประกันว่า ผู้ที่ดำเนินชีวิตในหนทางของพระองค์จะได้รับพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นรางวัล

• ภารกิจของพระองค์ในโลกนี้คือ การประกาศข่าวดีว่า พระเจ้าทรงพระกรุณานับเราเข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว รับรองเราว่า เป็นลูกของพระองค์และมองดูเราว่า เรามีความภักดีต่อพระองค์อย่างไร?

• พี่น้องครับ การดำเนินชีวิตของเรานี่แหละ เป็นวิธีการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้แสดงออกด้วยการรับใช้เพื่อนพี่น้อง , การให้อภัยต่อกัน , การแสดงความรักต่อกัน ,และการร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับคนยากจน และในชีวิตของพระองค์ในโลกนี้ พระองค์ได้แสดงให้เห็นว่า เราต้องนำสิ่งเหล่านี้มาปฏิบัติเพื่อให้เกิดคุณค่าในชีวิต
• พ่อได้มีโอกาสอ่านหนังสือรวมประวัตินักบุญของคณะเยซูอิต ทำให้เกิดความรู้สึกประทับใจในชีวิตของบรรดานักบุญ ที่มีความกล้าหาญ, เสียสละชีวิต ติดตามพระเยซูเจ้าด้วยชีวิต และยอมมอบชีวิตของตนเองเพื่อประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า สิ่งที่สังเกตก็คือ ไม่มีใครอยู่เฉยๆแล้วได้เป็นนักบุญ

• ทำให้เราได้รู้ว่า หากเราจะพบกับพระเจ้าจริงๆ เราต้องออกแรงและแสวงหาทุกวิถีทางที่จะได้พบกับพระองค์

• พี่น้องครับ ในโอกาสที่เราทำการฉลองพระเยซูทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล (สามเหลี่ยม) เป็นโอกาสดีที่เราจะทบทวน “คุณภาพของการเป็นคริสตชน” ว่าเราเป็นคริสตชนในระดับไหนในทางความเชื่อและชีวิตที่ปฏิบัติ เราได้ทำให้พระอาณาจักรของพระเจ้าเกิดขึ้นในจิตใจของเราและในชุมชมของเราหรือยัง? พระเยซูเรียกร้องเราให้เอาชนะสัญชาตญาณพื้นฐานของชีวิต ในเรื่อง ความเห็นแก่ตัว, ความขมขื่น , ความหยิ่งยะโส เพื่อเป็นประกันว่า เราจะดำเนินชีวิตในภารกิจของพระองค์เช่นเดียวกัน เพราะโลกนี้เป็นของพระองค์ แม้ว่าทุกวันนี้เราอาจไม่คิดเช่นนั้น

• เป็นเวลาที่ดี ที่เราจะต้องตระหนักว่า พระเยซูเจ้า ทรงเป็น หนทาง ที่จะต้องอาศัยความพยายามที่จะเอาชนะ ลักษณะต่างๆ ของโลก ซึ่งไม่ง่ายที่จะเอาชนะได้ และไม่อาจตอบคำถามทุกคำถามหรือแก้ปัญหาทุกๆ ปัญหาในชีวิตของเราได้

• ในเวลาที่ ปีลาโตเผชิญหน้ากับพระเยซู ปีลาโตกำลังถูกกดดันจากฟารีสีและประชาชน, ตกอยู่ภายใต้ความกดดัน, ตัดสินใจไม่ถูก, มีความกังวลที่จะแก้ปัญหาต่างๆให้ได้ ปีลาโตเชื่อว่า พระเยซูเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการเสียหน้า ปีลาโตล้มเหลวในการเดินตามมโนธรรมของตนเองและทำการล้างมือต่อหน้าประชาชน

• เรื่องเหล่านี้ก็คล้ายๆ ชีวิตของเราหลายๆคน เราก็ล้างมือของเราจากความรับผิดชอบในชีวิตคริสตชน จากชีวิตครอบครัว, ในที่ทำงาน หรือในระหว่างเพื่อนบ้านของเรา

• พี่น้องครับ การดำเนินชีวิตในคุณค่าแบบพระเยซูเจ้านั้น แน่นอนว่า เราจะถูกต่อต้าน เพราะเรากำลังทำสิ่งที่ตรงข้ามกับที่โลกและสังคมกำลังสอนเรา เราต้องไม่คาดหวังว่า เราจะพบเจอสิ่งที่ง่ายๆ ในชีวิต ถ้าหากเรากำลังเดินและทำในสิ่งที่เรากำลังเชื่อถึงอยู่นี้
• กางเขนและความทุกข์ทรมาน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราเช่นเดียวกับที่ พระเยซูทรงรับไว้เพราะนั่นคือ พระประสงค์ของพระบิดาเจ้า

• ดังนั้นขอให้การฉลองในวันนี้เชิญชวนเราให้ มีที่ว่างในหัวใจของเราเพื่อที่จะเลียบแบบอย่างชีวิตของพระเยซู แม้ว่าเราจะไม่สมบูรณ์แบบเท่ากับพระองค์ก็ตาม

ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ส.33 เทศกาลธรรมดา ปี B - 15-11-2009



1. สวัสดีพี่น้องที่รัก ตอนนี้ที่แม่สอด อากาศตอนเช้าก็เริ่มหนาวแล้ว เป็นเครื่องหมายถึงการสิ้นสุดฤดูอื่นๆ และเข้าสู่ปลายปีพิธีกรรม ทุกๆ เดือนพฤศจิกายน พระศาสนจักรเชิญชวนเราให้หยุดคิดและไตร่ตรองชีวิตอย่างจริงจัง พระศาสนจักรเตือนใจเราด้วยเรื่องของ วันสิ้นโลก, การพิพากษาครั้งสุดท้ายและการเสด็จกลับมาอีกครั้งของพระเยซูในพระสิริรุ่งโรจน์

2. เมื่อพี่น้องได้ฟังพระวรสารในวันนี้แล้ว อาจมีความรู้สึกว่า เหตุการณ์ที่พระเยซูทรงบอกในวันนี้นั้น น่ากลัว แต่พระวรสารในวันนี้ไม่ได้ต้องการให้เรากลัว หรือตกใจ แต่ให้ “กำลังใจ” และ “ปลอบโยน” รวมถึงให้ความหวังเราในการต่อสู้กับชีวิตที่ยากลำบาก
3. สิ่งที่เป็นหัวใจของพระวรสารในวันนี้ก็คือ ความรักของพระเจ้าจะชนะทุกสิ่งทุกอย่างเหนืออำนาจที่ชั่วร้ายและจะเติมเต็มสิ่งที่ถูกต้อง พระเจ้าทรงอยู่ข้างเราและจะมองดูเราผ่านทางปัญหาต่างๆ ในชีวิตปัจจุบันของเรา

4. พี่น้องครับ เราดำเนินชีวิตในโลกนี้ เราก็มีจุดมุ่งหมายแตกต่างกันออกไป เราอยากมีความสุข, มีชีวิตที่ดี, มีครอบครัวที่อบอุ่น ฯลฯ แต่ก็จะถึงวันหนึ่งที่เราจะจากโลกนี้ไป มันจะถึงวันสิ้นสุดของชีวิตของเราบนโลกนี้ ซึ่งเป็นสัจธรรมที่ไม่มีใครหนีมันพ้นไปได้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว เราก็จะไปพบกับพระเจ้าแบบหน้าต่อหน้า ตามความเชื่อที่พระศาสนจักรสอนเรา

5. พี่น้องครับ มีที่ที่หนึ่งที่ทุกวันนี้เราไม่ค่อยพูดถึงกัน ก็คือ นรก เป็นเหมือนคำต้องห้ามและไม่มีใครอยากพูดอยากไป แต่เป็นไปได้ว่า ถ้าหากชีวิตของเราประสบปัญหาต่างๆ,ความยากลำบากและเราไม่พึ่งพระเยซู เราทิ้งพระองค์ไปและในวันสุดท้าย เราไม่ถูกเรียกเข้าไปอยู่กับพระองค์ในวันสุดท้าย นรกนั้นอาจหมายถึง การแยกจากกันนิรันดรจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นความรัก, ความบรรเทา และอยู่ห่างไกลจากพระเมตตาของพระองค์ คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดและเป็นการละทิ้งโอกาสของเรา ด้วยการปฏิเสธพระเมตตาของพระองค์

6. พี่น้องครับ แต่มีสิ่งหนึ่งก็คือ พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างเรามาก็จริง แต่พระองค์เคารพต่ออิสระภาพของเรา หมายความว่า พระองค์ให้เราเลือกเอาเองว่า เราจะดำเนินชีวิตนี้อย่างไร? จะมาหาพระองค์ก็ได้ ไม่มาก็ได้ แต่ถ้าหากในวันสุดท้ายที่พระเยซูเจ้าทรงเสด็จมา เราได้ยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ มันก็ขึ้นอยู่ว่า เราดำเนินชีวิตในปัจจุบันนี้อย่างไร

7. พี่น้องครับ สมัยก่อนนี้มีเพลงๆ ที่เราร้องในพิธีมิสซาปลงศพ แต่ปัจจุบันเราไม่ร้องเพลงนี้กันแล้ว นั่นคือ เพลงที่เวลาร้องแล้วจะลงท้ายด้วยคำว่า “ประพฤติอย่างไร สิ้นใจอย่างนั้น” ก็คงจะเตือนใจอะไรบางอย่างให้กับเราได้ แต่คงไม่ใช่การบอกว่า คนที่ตายนั้นที่ตายเพราะอะไร แต่เตือนคนที่ยังอยู่ว่า ให้ดำเนินชีวิตของตนให้ดีดี เพื่อจะได้รับเรียกให้อยู่ต่อหน้าพระคริสตเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จกลับมา

8. พี่น้องครับ พระคริสตเจ้าเสด็จมายังเราทุกวัน ด้วยการมอบชีวิตพระองค์เอง ให้ชีวิต,คำสอน,พระวาจา และชวนให้เราเลือกข้างเดียวกับพระองค์ ถ้าพี่น้องมีพระเจ้าในใจ ไปไหนก็มีพระเจ้า สวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราแล้ว

9. ในโอกาสที่เรากำลังสิ้นปีของพระศาสนจักร และจะสิ้นปีเก่า เข้าสู่ปีใหม่ พ่อเชิญชวนเรา ให้หาเวลาเงียบๆ รำพึงภาวนา ,ไตร่ตรองถึงชีวิตของเราแต่ละคน, ฟังเสียงของพระเจ้าที่ตรัสกับเรา แต่บางครั้งเราไม่ได้ฟัง หรือไม่ยอมที่จะฟัง เพื่อเราจะได้มองดูว่า ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้านั้นเป็นอย่างไร ยังสนิทแน่นแฟ้นกันดี หรือยิ่งวันยิ่งห่างกันไป แล้วเราจะดำเนินชีวิตของเราอย่างไรต่อไป ก็ขอพละกำลังจากพระองค์ เพื่อให้เราได้เจริญชีวิตอย่างรู้ว่า วันหนึ่งเราต้องไปอยู่ต่อหน้าพระองค์ และเมื่อเราแต่ละคนได้ตระหนักแล้วว่า วันหนึ่งเราต้องจากโลกนี้ไป เราก็พร้อมที่จะตอบกับพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้าข้า ลูกพร้อมแล้ว”

10. ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ส.32 เทศกาลธรรมดา ปี B -08-11-2009




• พี่น้องครับ วันนี้พระเยซูเจ้ากำลังบอกเล่าเรื่องราวของหญิงม่ายคนหนึ่งกับเงินจำนวนน้อยนิด แต่สิ่งที่ทำให้ การให้ของหญิงม่ายคนนี้มีคุณค่าและมีความสำคัญนั้น มิใช่เรื่องของจำนวน แต่เป็นเรื่องของหัวใจและการเสียสละที่เธอแสดงออกมา

• พี่น้องครับ ในสายตาของคนที่ผ่านไปมา การทำทานของหญิงม่ายคนนี้ดูเหมือนเป็นสิ่งต่ำต้อยด้อยค่า แต่ในสายตาของพระเจ้าเธอได้ทำสิ่งที่พระเจ้าทรงโปรดปรานมากที่สุด เพราะหลังจากที่หญิงม่ายคนนี้ได้หย่อนเงินลงไปแล้ว เธอสามารถพูดได้เต็มปากว่า “นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ลูกทำได้ เพราะลูกได้ให้ทั้งหมดที่มีแล้ว” สิ่งที่ทำให้เธอชนะใจก็คือ เธอไม่เก็บอะไรไว้เป็นของเธอเองเลย เธอให้เงินทั้งหมดที่เธอมี หรือในอีกความหมายหนึ่ง เธอได้ถวายชีวิตทั้งหมดของเธอให้กับพระเจ้า

• พี่น้องครับ เหตุการณ์ธรรมดาๆที่เกิดขึ้นนอกพระวิหารนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ควรจดจำ เพราะว่า มันแสดงให้เราเห็นถึงความตั้งใจของคนคนหนึ่ง

• หลายๆ ครั้งเรามักวัดคุณค่าของกันและกันด้วย ความรู้ความสามารถ, ตำแหน่งหน้าที่การงาน,ปริญญา , ฐานะทางการเงิน, รูปร่างหน้าตา ฯลฯ แต่พระเยซูเจ้า ให้คุณค่ากับเราในรูปแบบที่แตกต่างกันไป พระองค์มองทะลุไปในจิตวิญญาณของเราและมองดูลึกลงไปที่แรงจูงใจข้างใน และความตั้งใจที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการกระทำสิ่งต่างๆ ของเรา

• พระองค์สนใจในสิ่งที่เราถวาย? ชีวิตของเราเป็นอย่างไร? จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องยอมจำนนต่อพระองค์ และจริงจังกับการดำเนินชีวิตมากขึ้นด้วย

• พี่น้องครับ สำหรับคุณค่าของหญิงม่ายคนนี้ สอนเราว่า วัตถุใดๆ ในโลกนี้ ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด พระเยซูสอนเรื่อง เมตตากรุณา มิใช่เงินตรา เพื่อให้เราแต่ละคนจะได้มีคุณค่ามากกว่าเงิน ในการที่จะถวายแด่พระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าทรงมองหาก็คือ ชีวิตของเราแต่ละคน พระองค์ต้องการหัวใจของเรามิใช่ทรัพย์สมบัติของเรา

• หลายๆ ครั้ง การให้ทานและการแบ่งปันของเรา เป็นเรื่องภายนอก เราอยากจะช่วย เติมเต็มในสิ่งภายนอกโดยปราศจากเรื่อง ความเมตตาในหัวใจ

• การเรียนรู้เรื่องการให้ เป็นสิ่งที่ยาก จนกว่าเราจะได้รู้ว่า การติดตามพระเยซูเจ้าที่แท้จริงนั้น คือ การต้องปฏิเสธตนเอง พระวาจาในวันนี้เชิญชวนเราให้ดำเนินชีวิตในหนทางที่เจ็บปวดและหาค่าไม่ได้ นั่นคือ การให้ในสิ่งที่เราได้รับมา

• ชีวิตของเราคือการให้ในสิ่งที่เราได้รับ ให้กับผู้ที่ไม่สามารถตอบแทนอะไรแก่เราได้ สนใจต่อความต้องการของผู้อื่น และอาจให้ได้แค่เพียงสิ่งเล็กๆน้อยที่เรามี

• ชีวิตของพระเยซูที่สละชีวิตของพระองค์ไถ่บาปเราด้วยความรัก คือแบบอย่างบนไม้กางเขนที่เราแต่ละคนจะต้องติดตามไปด้วยใจมั่นคงเสมอ

• ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน