วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ส.4 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี A

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม ค.ศ.2007

ครูอนุบาลคนหนึ่ง เล่าเรื่องคริสตมาสให้เด็กฟัง โดยเล่าเรื่องของคนเลี้ยงแกะและพญาสามองค์ เมื่อเล่าจบแล้ว เธอก็ถามเด็กๆ ว่า เอาหล่ะ ไหนใครบอกได้ไหมว่า ใครคือผู้ที่ได้พบพระเยซูเจ้าเป็นคนแรก เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งยกมือและตอบว่า แม่พระค่ะ

พี่น้องครับ แน่นอนว่า แม่พระเป็นบุคคลแรกที่ได้เห็นพระเยซูเจ้า คำตอบของเด็กๆเป็นสิ่งที่ง่ายๆไม่ซับซ้อน ผู้ใหญ่สามารถสังเกตดูสิ่งต่างๆ ได้มากมายมากกว่าเด็ก ผู้ใหญ่มองดูปรากฏการณ์,ฑูตสวรรค์ที่มาแจ้งข่าว,ดวงดาวที่นำทาง ฯลฯ แต่เราพลาดสิ่งสำคัญประการหนึ่งก็คือ การประทับอยู่ของพระเจ้า และการที่พระองค์ประทับอยู่ในชีวิตธรรมดาๆ ในสิ่งต่างๆรอบตัวเราและในชีวิตของเรา เด็กเล็กๆคนนี้ช่วยเราให้มองเห็น สิ่งธรรมดาๆในชีวิต ซึ่งเราจะได้มองเห็นพระเจ้า พระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงอุ้มชูเราไว้

พี่น้องครับ พระวรสารในวันนี้ เริ่มต้นด้วยประโยคที่ดูเรียบๆว่า เรื่องราวการประสูติของพระเยซูเจ้าเป็นดังนี้”(มธ.1:18). แต่สำหรับชาวยิว เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะชาวยิวไม่เชื่อว่า พระแมสซิยาห์จะบังเกิดจากหญิงธรรมดาคนหนึ่ง, เป็นทารกธรรมดา ดังนั้นพวกฟารีสีจึงรอคอยพระแมสซิยาห์ซึ่งจะมาจากเมืองเบธเลแฮม พระแมสซิยาห์ถูกคาดว่า จะถูกหย่อนลงมาจากฟากฟ้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลานุภาพน่าเกรงขาม สถานที่ที่พระองค์จะลงมา คงเป็นภูเขาลูกใดลูกหนึ่ง หรือในพระวิหารใหญ่โต ดังนั้นเราจึงเข้าใจมากขึ้นว่า ซาตานได้มาผจญพระเยซูเจ้าด้วยเรื่องการโดดลงมาจากยอดพระวิหาร พวกยิวจึงไม่ค่อยเข้าใจหรือไม่คุ้นกับการที่พระแมสซิยาห์ ได้มาประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขาในแบบที่ธรรมดาๆ

พี่น้องครับ คำว่า พระเจ้าสถิตกับเรา พระเจ้าอยู่กับเรา ทำให้เรามานั่งคิดๆดูว่า เราคาดหวังอย่างไรกับการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางพวกเรา??? พระเจ้ายังคงทำงานของพระองค์ในท่ามกลางพวกเราอยู่หรือเปล่า? นี่คือเรื่องสำคัญ เพราะบางครั้งปัญหาอยู่ตรงที่ว่า พระเจ้าไม่ได้อยู่กับเรา? และเป็นเพราะว่า เราจำไม่ได้ว่า วิธีการที่พระเจ้าประทับอยู่กับเรา ทรงกระทำสิ่งต่างๆ เพื่อเรานั้น เป็นอย่างไร เหมือนในพระคัมภีร์ปฐมกาลที่ยาโคบตื่นขึ้นมาพูดว่า พระเจ้าทรงสถิต ณ ที่นี้แน่ทีเดียว แต่ข้าหารู้ไม่”(ปฐก 28:16).

การรอคอยพระแมสซิยาห์ที่แสนยาวนาน, แสงสว่างส่องโลก,กษัตริย์ของชาวยิว,ที่โปรดปรานของชนทุกชาติทุกภาษา พระองค์มิได้ลงมาจากเมฆหรือมาตามสายฟ้าฟาด แต่พระองค์มาจากครรภ์ของหญิงชนบทคนหนึ่งเป็นเวลา 9 เดือน, 30 ปีที่พระองค์ดำเนินชีวิต เติบโตขึ้นมาจากทารก เด็กชาย,เป็นวัยรุ่น,เป็นผู้ใหญ่ สิ่งต่างๆเหล่านี้เตือนเราว่า พระเจ้าทรงประทับอยู่กับเราในชีวิตธรรมดาๆของเราทุกคน พระเจ้าทรงอยู่กับเรากับทุกๆคนที่อยู่รอบข้างเรา, เด็กๆ ที่กำลังเติบโต คนชราที่อายุมากขึ้น, คนเจ็บป่วยและคนที่ลาจากโลกนี้ไป พระองค์อยู่ในชีวิตธรรมดาๆของเราทุกคน

พี่น้องครับ เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะมองให้เห็นพระเจ้าในตัวของเพื่อนพี่น้องของเรา ที่ดูคล้ายคลึงไปกับเรา แต่ถ้าเรามองดูการบังเกิดของพระเยซู การรับเอาเนื้อหนังของพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งเป็นสะพานระหว่างสวรรค์และโลกของเรานี้ สะพานระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ สะพานแห่งพระหรรษทานและพระพรแห่งชีวิต, ระหว่างความศักดิ์สิทธิ์และชีวิตทางโลกธรรมดา, เรื่องราวการบังเกิดของพระเยซูคงช่วยให้เรามองเห็นการประทับอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเรามากยิ่งขึ้น

มีสุภาษิตของชาวไนจีเรีย เขาบอกว่า จงฟังให้ดีดี แล้วท่านจะได้ยินเสียงฝีเท้าของมด วันนี้เราทุกคนถูกเชิญชวนให้ฟังเสียงฝีเท้าของพระเจ้าที่พระองค์ก้าวเข้ามาสู่ชีวิตของเราในวิถีชีวิตแบบปกติและในช่วงเวลาปกติของชีวิตเรา ไม่จำเป็นต้องมองไปที่ยอดเขาสูงลิบสุดตา หรือมองไปที่ลึกที่สุดของท้องทะเล เพราะว่า ด้วยว่า เรามีชีวิต และไหวตัว และเป็นอยู่ในพระองค์ (กจ 17:28).

ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ส.3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี A

หญิงคนหนึ่งได้ใช้เวลาเพื่อทำงานเพื่อวัด เพื่อพระศาสนจักร เพื่อพระเป็นเจ้า ด้วยการไปเยี่ยมผู้ป่วย,ผู้พิการ,ผู้สูงอายุ วันหนึ่งหญิงคนนี้ ก็มีปัญหาเกี่ยวกับหัวเข่าของเธอเอง เธอต้องเข้ารับการผ่าตัด การผ่าตัดไม่ประสบผลและทำให้เธอเจ็บปวดและไม่สามารถที่จะเดินได้ ดูเหมือนว่า พระเจ้าไม่ฟังคำภาวนาของเธอและของเพื่อนๆ ที่ช่วยกันสวดเพื่อให้การผ่าตัดประสบผลดี นี่คือหญิงที่ตัดสินใจเลือกพระเยซูเป็นเพื่อนสนิทและเธอก็ผิดหวัง ความชื่นชมยินดีในชีวิตของเธอเปลี่ยนเป็นเรื่องน่าเศร้าในชีวิตเธอ วันหนึ่งเธอก็พยายามลุกขึ้นและเล่าเรื่องนี้ให้กับคุณพ่อวิญญาณรักษ์ และบอกว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นกับจิตวิญญาณของเธอ คุณพ่อวิญญาณารักษ์ก็ให้คำปรึกษาว่า ให้เธอสวดภาวนาและให้ถามพระเยซูว่า ทำไมพระองค์ทำเช่นนี้กับเธอ ซึ่งต่อมาเธอก็ได้ไปทำตามคำแนะนำ วันต่อมา พระสงฆ์วิญญาณารักษ์ได้พบกับเธอ เห็นว่าหน้าตาของเธอพบสันติสุข แทนที่ความทุกข์ต่างๆที่เธอมี เธอถามคุณพ่อว่า คุณพ่ออยากรู้ไหมว่า พระเยซูพูดอะไรกับฉัน เวลาที่ฉันมองไปที่กางเขนของพระเยซูและบอกกับพระองค์ว่า ทำไมสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับชีวิตของฉัน กับหัวเข่าของฉัน พระองค์ก็ตอบฉันว่า เราอยู่บนนี้ แย่ยิ่งกว่าเธออีก

(6)ผู้ที่ไม่แคลงใจในเราย่อมเป็นสุข (มธ 11:6)

ยอห์น ใช้ทั้งชีวิตของท่านในทะเลทรายยูเดียเพื่อรอคอยพระแมสซิยาห์ ท่านเตรียมทางให้พระแมสซิยาห์ ด้วยการเชิญชวนให้รับพิธีล้างและกลับใจ ในเวลานี้ท่านอยู่ในคุก เพราะท่านได้ประกาศถึงความไม่ถูกต้องของกษัตริย์เฮโรด อันติพาส ในเวลาเดียวกัน พระเยซูก็เริ่มงานของพระองค์ในฐานะพระแมสซิยาห์ พระองค์มิได้ไปเยี่ยมยอห์นในคุก พระองค์ไม่ได้ส่งจดหมายใดใดเพื่อให้กำลังใจกับท่านยอห์น ท่านยอห์นได้ว่า พระเยซูกำลังทำอํศจรรย์ ทำไมพระองค์ไม่ทำอัศจรรย์ให้ท่านยอห์นเป็นอิสระ? ประกาศกได้บอกไว้มิใช่หรือว่า เครื่องหมายของพระแมสซิยาห์คือ การที่พระองค์จะทรงปลดปล่อยนักโทษให้เป็นไท มิใช่หรือ? และแน่นอนว่า ท่านก็คาดหวังว่า ท่านจะเป็นคนแรกที่จะได้รับผลอันนั้นด้วย

ดังนั้น ท่านยอห์น จึงส่งคนไปถามพระเยซู คำที่พระเยซูตอบกลับมาก็คือ ใช่แล้ว เราคือพระแมสซิยาห์ แต่ท่านอย่าเคืองใจเรานะ ถ้าสิ่งที่ท่านคาดหวัง ท่านไม่พบจากเรา

(6)ผู้ที่ไม่แคลงใจในเราย่อมเป็นสุข (มธ 11:6)

พี่น้องครับ เรื่องราวเหล่านี้คือ เราคาดหวังผิดๆ เทววิทยาที่นิยมกันมากให้สมัยก่อนก็คือ ถ้าร่ำรวยมั่งคั่ง นั้นคือ พระเจ้าอยู่กับเขา และถ้ายากจนลำบากเป็นเครื่องหมายว่า พระเจ้าไม่อยู่กับเขาแล้ว ผู้เขียนหนังสือโยบจึงเล่าเรื่องราวนี้ผ่านทางาชีวิตของโยบ ซึ่งเป็นคนที่เชื่อในพระเจ้าแต่ยังยากจนรและทุกข์ยากลำบากมากมาย แต่พี่น้องครับ ความคิดอันนี้ก็ยังคงอยู่กับชีวิตของคริสตังค์เราหลายๆ คน ซึ่งจริงๆ แล้วสิ่งที่น่าจะอยู่ในชีวิตของเราก็คือ คำสอนและตัวอย่างชีวิตจากพระเยซู

พี่น้องครับ ในพระเยซูเราได้เห็น เครื่องหมายที่ชัดเจนถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า เราต้องรู้ได้ดีดีว่า มิใช่เรื่องของวัตถุ เงินทอง แต่เป็นเรื่อง ของจิตใจ เป็นเรื่องฝ่ายจิต

ในช่วงเวลาแห่งการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ เราก็เหมือนกับยอห์นที่รอคอยการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า แล้วเราแต่ละคนคาดหวังอะไร? คาดหวังสิ่งใดจากพระเยซู? พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้เตือนใจเราว่า เราต้องคาดหวังในสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า และหากไม่นับเรื่องทางวัตถุใดใด เรื่องภายนอกใดใด เราทุกคนได้รับการย้ำเตือนว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการช่วยเหลือเรา เป็นเรื่องหลักๆ เรื่องแรกๆ นั่นก็คือ เรื่องของวิญญาณ

ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน