วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2007
มีกษัตริย์องค์หนึ่งชื่อว่า เฟดเดรริค เดอะเกรท ได้ไปเยี่ยมนักโทษในคุกและถามถึงชีวิตและความเป็นอยู่ทีละคน หลายๆ คนก็บอกพระองค์ว่า พวกเขาเป็นคนบริสุทธิ์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย , เข้าใจผิดในบางเรื่องบางตอน,และอื่นๆ ในที่สุดกษัตริย์ก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องขังซึ่งนักโทษคนนั้นไม่ได้พูดอะไรเลย กษัตริย์ก็เลยสงสัยก็ถามชายคนนั้นว่า “เราคิดว่า เจ้าก็คงเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยใช่หรือไม่?” ชายคนนั้นตอบว่า “เปล่าครับ ผมไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ ผมได้ทำสิ่งที่ผิดมากมาย และพร้อมที่จะรับการลงโทษ” กษัตริย์ก็เลยรับสั่งต่อไปว่า “ทหาร, รีบปล่อยตัวคนคนนี้ ผู้บริสุทธิ์อยู่ที่นี่แล้ว” ซึ่งเหมือนดังที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “พระเจ้าทรงกดผู้ที่ยกตนขึ้นและทรงประทานพระพรแด่ผู้ที่ต่ำต้อย” (1 Peter 5:5).
พระวรสารในวันนี้ เกี่ยวข้องกับเราทุกคน ผู้ที่มีความเชื่อ 2 คน ฟารีสีและคนเก็บภาษี ทั้งคู่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน, ศาสนาเดียวกัน,และมานมัสการพระเจ้าในวัดเดียวกัน ทั้งคู่ เป็นผู้ที่มีใจร้อนรนและมาภาวนาในวัดพร้อมกัน แต่พี่น้องสังเกตอะไรหรือไม่? เมื่อมานมัสการพระเจ้าเสร็จแล้ว คนหนึ่งกลับบ้านด้วยสันติสุขในจิตใจ แต่อีกคนไม่เป็นเช่นนั้น เราทุกคนที่นี่ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชื่อเช่นเดียวกัน ต้องพยายามมองดูเรื่องนี้ให้ดี ไม่เพียงแต่เรียนรู้ถึงเคล็ดลับของการนมัสการพระเจ้า แต่มองดูว่า การนมัสการพระเจ้านี้นำทางชีวิตของเราแต่ละคน และเมื่อนมัสการเสร็จแล้วไม่ทำให้เราผิดหวังในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์ที่เรามาวัด
ฟารีสี เป็นคนที่มีวินัยในการดำเนินชีวิต สวดภาวนาอย่างดี เป็นคนศรัทธามาก เป็นคนที่เอาจริงเอาจังในเรื่องศาสนา ที่อุทิศชีวิตทุกวันให้กับการสวดภาวนาและถือพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างดี และในความเป็นจริงที่มากกว่านั้น พวกเขาทำมากกว่าที่บทบัญญัติได้กำหนดซะด้วยซ้ำไป พวกเขาอดอาหาร 2 ครั้งต่อสัปดาห์ คือ วันจันทร์และวันพฤหัสบดี ซึ่งในกฏบัญญัติกำหนดแต่เพียงว่า ให้ประชาชนอดอาหารปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ในวันชดเชยใช้โทษบาป พวกเขาบริจาคเงินรายได้ 1 ใน 10 เมื่อฟารีสีกล่าวในเรื่องเล่าวันนี้ว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” (Luke 18:11-12) พวกเขาไม่ได้ล้อเล่น แต่ทำอย่างจริงจังในชีวิต
ตรงกันข้าม คนเก็บภาษี ถูกมองว่า เป็นพวกที่มีคุณธรรมต่ำกว่ามาตรฐาน เพราะว่าคนพวกนี้ทำงานให้กับพวกโรมัน ซึ่งเป็นคนต่างชาติ(เก็บเงินพวกเดียวกันส่งให้คนต่างชิต) รับเงินสกปรก เงินที่ไม่ได้มาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งพวกยิวถือว่า คนพวกนี้เป็น “คนบาปสาธารณะ” ที่มีทางด่วนนำไปสู่นรก แต่สิ่งสำคัญก็คือ คนเก็บภาษีนี้รู้ตัวว่า เสียงของมนุษย์มิใช่เป็นเสียงของพระเจ้าเสมอไป พวกเขายังคงมีหวังที่จะได้รับความรอด มิใช่เพราะกฏบัญญัติของศาสนาใดใด แต่เป็นเพราะ “พระเมตตาของพระเจ้าล้วนๆ”
การมีความเชื่อในพระเจ้า มิได้ช่วยให้เราได้รับความรอด น.ยากอบ บอกว่า ปีศาจก็เชื่อในพระเจ้าและใจสั่นด้วยความกลัว (James 2:19). ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ความเชื่อที่เรามีนี้ มีผลทำให้เรามองดูชีวิตของเราและบุคคลอื่นๆ อย่างไร ความเชื่อมีผลต่อชีวิตอย่างไร? ฟารีสีเชื่อถึงพระเจ้าที่รักเฉพาะคนดีดีและรังเกียจคนไม่ดี ผู้คนปฏิบัติเหมือนกับพระเจ้าที่พวกเขาเคารพนับถือ ดังนั้น พวกฟารีสีจึงรีบเรียนรู้ที่จะรักเฉพาะคนดีดีอย่างพวกเขาเท่านั้น และมองดูอย่างหยามเหยียดต่อคนที่ไม่ดี และคนบาปอย่างพวกคนเก็บภาษี
พี่น้องครับ พระเยซูเล่าเรื่องนี้ให้เราฟัง เพราะพ่อคิดว่า พระองค์ไม่อยากให้เราเป็นอย่างฟารีสี เพราะ “พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่น” ตรงกันข้าม คนเก็บภาษี ไม่วางใจในตนเองหรือสิ่งใดใดที่ตัวเขาเองได้ทำ แต่วางไว้”ในพระหัตถ์ของพระเจ้า” พ่อเองเชื่อว่า ไม่มีใครดีที่สุดในโลก หรือไม่มีคนใดที่เลวจนไม่อาจทำความดีได้ คนบาปนั้นก็แหงนหน้ามองฟ้า ข้อนอกและภาวนาว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” (v. 13). และนี่เองที่ทำให้ชายคนนี้ กลับบ้านด้วยสันติสุขในจิตใจกับพระเจ้า
พี่น้องครับ เราทุกคนก็มาหาพระเหมือนกันเพื่อนมัสการและสวดภาวนา เราทุกคนหวังจะกลับบ้านด้วยสันติสุขในพระเจ้า ให้เราเลียนแบบอย่างจากคนเก็บภาษีคนนั้น เพื่อจะรู้ถึงเคล็ดลับของการภาวนา, การนมัสการพระเจ้า ประการที่ 1 ไม่ควรฟังผู้อื่นหรือแม้แต่ความคิดของตนเอง ว่า พระเจ้าจะทรงโกรธเราและไม่มีทางอภัยให้กับเรา ประการที่ 2 ต้องยอมรับตนเองถึงความบกพร่องของตนเองและวางชีวิตของเราไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ซึ่งทรงพระทัยกว้างใหญ่กว่าบาปใดใด ที่สุด ให้เราสัญญากับพระเจ้าว่า เราจะไม่ดูถูกผู้อื่นซึ่งอาจเป็นคนบาปที่อาจมีข้อบกพร่อง แต่ต้องพยายามช่วยเหลือให้บุคคลเหล่านั้นได้พบหนทางกลับมาหาพระเจ้า เหมือนดังที่ คนเก็บภาษีที่ช่วยให้เราได้พบกับพระเจ้า และต้องไม่ลืมว่า “ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’
ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน