เรื่องราวของบุคคลแห่งศตวรรษที่ 20 ที่พวกเราไม่อาจลืมได้ นั่นก็คือ ชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่า ซึ่งได้ถูกเตรียมให้เป็นพระราชินีแห่งประเทศอังกฤษแต่พระนางได้กลายมาเป็นเจ้าหญิงในดวงใจของใครหลายๆ คนในโลก หลายคนบอกว่า เจ้าหญิงได้ยินเสียงเรียกของพระเจ้าที่บอกว่า “จงตามเรามาเถิด, เราจะให้เธอเป็นราชินีแห่งดวงใจ” พระนางจึงได้ละทิ้งชีวิตแห่งเกียรติยศ,สังคมชั้นสูง และซื่อสัตย์ต่อการเรียกของพระเจ้า และรับใช้พระเจ้าด้วยหนทางแห่งการรับใช้ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากและบุคคลที่โลกลืม ในชีวิตอันแสนสั้นของเจ้าหญิง พระนางเอาชนะหัวใจคนทั้งโลก
พระวาจาในวันนี้ เราได้เห็น ซีมอนและอันดรูว์ ถูกเรียกเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขา พวกเขาเป็นชาวประมง พวกเขายุ่งวุ่นวายกับการจับปลา,ซ่อมแหอวน, แต่พวกเขาพบว่า พวกเขาจับปลาไม่ได้เลย แต่พวกเขาได้ยินเสียงของพระเยซูที่บอกว่า “จงตามเรามาเถิด, เราจะให้เจ้าเป็นชาวประมงหามนุษย์” แล้วพวกเขาก็ละทิ้งอวนและติดตามพระองค์ไป
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่ง ที่พระเจ้าเชิญชวนเราให้ติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นและมีส่วนร่วมในภารกิจของพระองค์ สิ่งเหล่านี้อาจเรียกร้องให้เราเปลี่ยนแปลงหน้าที่บางอย่าง หรืออย่างน้อยที่สุดคือการเปลี่ยนตัวของเราเพื่อเข้าสู่การรับใช้ ไม่ว่าเราจะเลือกหนทางใด จงเพิ่มเติมเข้าไปในหนทางการเป็นครู,การเป็นผู้พยาบาล,เป็นนักธุรกิจ, การทำอาชีพที่สุจริต ฯลฯ ซึ่งเราสามารถตัดสินใจเลือกได้ สองแบบ คือ แบบแรก เป็นแบบที่เราเลือกทำเพื่อชีวิตของเราเอง หรือแบบที่สองเราเลือกที่จะทำเพื่อแสดงออกถึงการรับใช้พระเจ้าและเพื่อมนุษย์ ถ้าหากว่า ชาวประมงยังสามารถเป็นผู้จับวิญญาณได้ และเจ้าหญิงยังกลายเป็นเจ้าหญิงในดวงใจได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ หากเราเริ่มมองออกจากตนเองไปสู่การมีศูนย์กลางในพระเจ้า และไม่มองว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งอีกต่อไป การแสวงหาเพื่อตน กลับกลายเป็นการแสวงหาเพื่อพระเกียรติมงคลของพระเจ้าและเพื่อประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์
การเรียกของพระเจ้า นำเราไปในที่ที่เราไม่คาดคิดว่า เราจะได้ไป เจ้าหญิงไดอาน่าต้องไปดูแลผู้พิการจากกับระเบิดและโรงพยาบาลที่รักษาคนโรคเอดส์ ประกาศโยนาห์ถูกเรียกไปเมืองนีนาเวห์ สำหรับชาวยิว เมืองนินะเวห์เป็นเมืองที่ชั่วร้าย,ไม่มีพระเจ้า,ผิดศีลธรรมและการโกงกินกันทุกรูปแบบ เมืองนินะเวห์เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอัสซีเรีย ซึ่งได้ทำลายพระวิหารและเนรเทศผู้คนออกไป เป็นเมืองใหญ่ซึ่งสังคมและเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด วัตถุนิยมแสดงตัวตนอย่างชัดเจนในรูปแบบของการผิดต่อศีลธรรม,การโกงกินคอรัปชั่นและอาชญากรรมที่เกิดขึ้นทุกวันที่เมืองนินะเวห์ สำหรับชาวยิวแท้อย่างโยนาห์ เมืองนินะเวห์ เป็นเมืองแห่งความชั่วร้าย และทางด่วนไปสู่หายนะที่ซึ่งความชั่วร้ายปกครองโดยไม่มีความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงใดใด เมืองนินะเวห์เป็นเมืองแห่งความสิ้นหวัง ผู้คนสูญเสียจิตวิญญาณ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมโยนาห์จึงถูกส่งไปที่นั่น ท่านคิดว่า ภารกิจที่เมืองนินะเวห์นี้จะไม่มีวันสำเร็จ แต่สิ่งประหลาดก็เกิดขึ้นเมื่อ เมืองที่ทุกคนบอกว่า เป็นเมืองแห่งความชั่วร้าย ผู้คนที่ได้ยินได้ฟังพระวาจาของพระเจ้าแล้ว พวกเขารับมันไว้ด้วยความกระหาย, เป็นทุกข์เสียใจอย่างจริงใจ สำนึกในพระเมตตาของพระเจ้าและการอภัยที่พวกเขาได้รับ
พี่น้องครับ แม้ในทุกวันนี้ พระเจ้าทรงแสวงหามนุษย์ชายหญิงเพื่อจะส่งออกไปภารกิจแห่งเมืองนินะเวห์ ทุกวันนี้เมืองนินะเวห์อยู่ที่ไหน? เมืองนินะเวห์ของเราทุกวันนี้อยู่ที่เมืองที่มีการผิดประเวณี,ยาเสพติดและอาชญากรรม โยนาห์ไม่ได้ถูกส่งไปหาชาวยิวด้วยกัน โยนาห์มิได้ถูกส่งไปหาคริสตชน แต่ถูกส่งไปหาคนต่างศาสนา พระเจ้าเชื้อเชิญเราให้นำข่าวดีไปสู่ที่ที่ไม่อาจคาดคิด, หรือ ไปสู่สถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ ข่าวดีสำหรับเราทุกคนก็คือ แม้ไม่มีหวังแล้ว แต่ก็ยังไม่หมดหวังซะทีเดียว เหมือนดังที่นินะเวห์ได้กลับมาหาพระเจ้า อีกครั้งหนึ่ง
ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน
"ปราศจากเราแล้ว ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย" (เทียบ ยน 15:5) "Without you, I can do nothing" (Jn 15:5)
My Profile
วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552
ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง
ในประเทศไนจีเรีย การล้างบาปเด็กเล็กนั้น จะต้องแน่ใจว่า เด็กสามารถกินสิ่งหนึ่งได้ นั่นก็คือ “ข้าว” ด้วยเหตุนี้ ชุดในวันรับศีลล้างบาปนั้น ก็คือ การแต่งตัวด้วยข้าว ดังนั้น หากพูดถึงการล้างบาปสำหรับคนในประเทศไนจีเรียก็ต้องคิดถึงข้าวอย่างไม่ต้องสงสัย และบางครั้ง เมื่อพระสงฆ์พูดถึงเรื่อง จารีตการรับศีลล้างบาป พวกเขาก็มักจะคิดถึงเรื่อง ข้าวของศีลล้างบาป การเกี่ยวพันกันในเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องบังเอิญ
ศีลล้างบาปสำหรับเรามีความหมายอย่างไร? ความหมายของศีลล้างบาปนั้น เปรียบได้กับคำว่า “ข้าว” ในภาษาอังกฤษดังต่อไปนี้ 1.R หมายถึง Rebirth. การเกิดใหม่ ในศีลล้างบาปเราเกิดใหม่ด้วยน้ำและพระจิตเจ้า เราได้รับการชำระล้างจากบาปกำเนิดและกลายเป็นบุตรชายหญิงของพระเจ้าในหนทางพิเศษ อักษรตัวถัดมา 2. I หมายถึง Initiation การริเริ่ม . โดยศีลล้างบาป เราได้เริ่มต้นการเป็นสมาชิกที่สมบูรณ์ของพระศาสนจักร 3. C หมายถึง Consecration.การอุทิศตน โดยศีลล้างบาป เราอุทิศตนเองเพื่อแสวงหาและประกาศข่าวดี เรื่อง พระอาณาจักรของพระเจ้า เราอุทิศตนเองให้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและรับใช้พระเจ้าด้วยชีวิตทั้งหมดของเราเอง และสุดท้ายตัว 4. E หมายถึง Empowerment. การมอบอำนาจ ในศีลล้างบาป พระจิตเจ้าเข้ามาสู่ชีวิตของเราและเป็นกำลังให้เรา ทำให้คุณธรรมจริยธรรมในตัวเราเข้มแข็งขึ้น และปฏิเสธต่อความชั่วร้ายและดำเนินชีวิตในฐานะลูกๆ ของพระเจ้าที่เราเป็น
ทั้ง 4 คำนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนที่สำคัญคือ ส่วนแรก ที่เราได้รับจากพระเจ้า ส่วนที่สอง ส่วนที่เราต้องนำไปปฏิบัติในชีวิตของเรา และนี่คือสิ่งที่เราควรเข้าใจว่า ทำไมพระเยซูจึงจำเป็นต้องรับพิธีล้าง นั่นคือสิ่งที่เราทำความเข้าใจกับคำว่า “ข้าว” Rice มาแล้วนั่นเอง
เมื่อมองดูการล้างของพระเยซูเจ้าโดยท่านยอห์นในวันนี้ เราพบว่า พระเยซูไม่จำเป็นต้อง “เกิดใหม่”Rebirth เพราะพระองค์เป็นพระบุตรพระเจ้า พระองค์เป็นนิรันดร พระองค์ไม่มีบาปกำเนิดที่จะต้องล้าง แล้วพระเยซูต้องการการริเริ่ม Initiation หรือไม่?? ถูกต้อง ในฐานะที่พระองค์เป็นมนุษย์ พระเยซูต้องการการริเริ่มและเปิดเผยพระองค์เองกับมนุษย์ทุกคน เพื่อบอกกับทุกคนว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าได้มาถึงพี่น้องทั้งหลายแล้ว สำหรับพระเจ้าแล้ว ไม่มีใครไม่ได้รับการสนใจจากพระเจ้า
ดังนั้น วันนี้เอง เราจึงต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับบุตรของพระเจ้า เราต้องการชุมชนแห่งความเชื่อเช่นเดียวกับพระเยซูได้กระทำ หมายความว่า เราต้องการวัด เราต้องการพระศาสนจักร พระจิตเจ้าที่เป็นพละกำลังสำหรับเรา พระจิตที่ลงมาเหนือพระเยซูเจ้าทำให้พระองค์เข้มแข็งและเป็นพละกำลังให้กับพระองค์ “God anointed Jesus of Nazareth with the Holy Spirit and with power; [and] he went about doing good and healing all who were oppressed by the devil” (Acts 10:37-38). และนอกจากนั้น Consecration การอุทิศตน : การรับพิธีล้างของพระเยซู เป็นช่วงเวลาแห่งการอุทิศตนของพระองค์เอง และสำหรับพระองค์ นั่นคือ คำสัญญาที่จะทำทุกสิ่งเพื่อที่จะประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า ให้กับโลก
หลังจากการล้างของพระเยซู , ท่านยอห์นก็ถูกจับ และพระอาณาจักรของพระเจ้าก็ต้องการผู้นำคนใหม่ และเมื่อพระเยซูได้ยินเรื่องราว พระองค์ลุกขึ้นและทำหน้าที่นี้ต่อไป นั่นคือ การประกาศเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าทันที พี่น้องจะเห็นได้ว่า การล้างของพระเยซูเจ้า ไม่ได้เป็นแต่เพียงคำถามว่า ทำไมพระเยซูต้องรับการล้างบาปนี้ แต่คำถามสำคัญก็คือ ทำอย่างไรพระองค์จึงจะสามารถประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าต่อไปได้ John F. Kennedy’s บอกว่า , “อย่าถามว่า ประเทศชาติจะให้อะไรกับท่าน ,ตรงกันข้าม จงถามตัวท่านเองว่า ท่านสามารถทำอะไรให้กับประเทศชาติของท่าน?” ซึ่งจะสามารถอธิบายได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับพระศาสนจักรได้
แล้วพวกเราทำอย่างไร? วัดท่าซุง ทำอย่างไรเพื่อประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า ? เราพร้อมอุทิศตนเองอย่างเต็มที่เพื่อประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าทำหรือไม่ ? ถ้าไม่ ทำอย่างไรที่เราจะสามารถสนับสนุนผู้ที่ทำงานด้านการแพร่ธรรมได้, ซึ่งได้ทำหน้าที่นี้แทนพวกเรา ?
วันนี้ ขอให้พี่น้อง ระลึกถึงศีลล้างบาปที่พี่น้องได้รับ คำสัญญา การอุทิศตนเอง เพื่อประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า และเป็นพยานถึงทั้งในวาจาและกิจการของเราแต่ละคน ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน
ศีลล้างบาปสำหรับเรามีความหมายอย่างไร? ความหมายของศีลล้างบาปนั้น เปรียบได้กับคำว่า “ข้าว” ในภาษาอังกฤษดังต่อไปนี้ 1.R หมายถึง Rebirth. การเกิดใหม่ ในศีลล้างบาปเราเกิดใหม่ด้วยน้ำและพระจิตเจ้า เราได้รับการชำระล้างจากบาปกำเนิดและกลายเป็นบุตรชายหญิงของพระเจ้าในหนทางพิเศษ อักษรตัวถัดมา 2. I หมายถึง Initiation การริเริ่ม . โดยศีลล้างบาป เราได้เริ่มต้นการเป็นสมาชิกที่สมบูรณ์ของพระศาสนจักร 3. C หมายถึง Consecration.การอุทิศตน โดยศีลล้างบาป เราอุทิศตนเองเพื่อแสวงหาและประกาศข่าวดี เรื่อง พระอาณาจักรของพระเจ้า เราอุทิศตนเองให้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและรับใช้พระเจ้าด้วยชีวิตทั้งหมดของเราเอง และสุดท้ายตัว 4. E หมายถึง Empowerment. การมอบอำนาจ ในศีลล้างบาป พระจิตเจ้าเข้ามาสู่ชีวิตของเราและเป็นกำลังให้เรา ทำให้คุณธรรมจริยธรรมในตัวเราเข้มแข็งขึ้น และปฏิเสธต่อความชั่วร้ายและดำเนินชีวิตในฐานะลูกๆ ของพระเจ้าที่เราเป็น
ทั้ง 4 คำนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนที่สำคัญคือ ส่วนแรก ที่เราได้รับจากพระเจ้า ส่วนที่สอง ส่วนที่เราต้องนำไปปฏิบัติในชีวิตของเรา และนี่คือสิ่งที่เราควรเข้าใจว่า ทำไมพระเยซูจึงจำเป็นต้องรับพิธีล้าง นั่นคือสิ่งที่เราทำความเข้าใจกับคำว่า “ข้าว” Rice มาแล้วนั่นเอง
เมื่อมองดูการล้างของพระเยซูเจ้าโดยท่านยอห์นในวันนี้ เราพบว่า พระเยซูไม่จำเป็นต้อง “เกิดใหม่”Rebirth เพราะพระองค์เป็นพระบุตรพระเจ้า พระองค์เป็นนิรันดร พระองค์ไม่มีบาปกำเนิดที่จะต้องล้าง แล้วพระเยซูต้องการการริเริ่ม Initiation หรือไม่?? ถูกต้อง ในฐานะที่พระองค์เป็นมนุษย์ พระเยซูต้องการการริเริ่มและเปิดเผยพระองค์เองกับมนุษย์ทุกคน เพื่อบอกกับทุกคนว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าได้มาถึงพี่น้องทั้งหลายแล้ว สำหรับพระเจ้าแล้ว ไม่มีใครไม่ได้รับการสนใจจากพระเจ้า
ดังนั้น วันนี้เอง เราจึงต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับบุตรของพระเจ้า เราต้องการชุมชนแห่งความเชื่อเช่นเดียวกับพระเยซูได้กระทำ หมายความว่า เราต้องการวัด เราต้องการพระศาสนจักร พระจิตเจ้าที่เป็นพละกำลังสำหรับเรา พระจิตที่ลงมาเหนือพระเยซูเจ้าทำให้พระองค์เข้มแข็งและเป็นพละกำลังให้กับพระองค์ “God anointed Jesus of Nazareth with the Holy Spirit and with power; [and] he went about doing good and healing all who were oppressed by the devil” (Acts 10:37-38). และนอกจากนั้น Consecration การอุทิศตน : การรับพิธีล้างของพระเยซู เป็นช่วงเวลาแห่งการอุทิศตนของพระองค์เอง และสำหรับพระองค์ นั่นคือ คำสัญญาที่จะทำทุกสิ่งเพื่อที่จะประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า ให้กับโลก
หลังจากการล้างของพระเยซู , ท่านยอห์นก็ถูกจับ และพระอาณาจักรของพระเจ้าก็ต้องการผู้นำคนใหม่ และเมื่อพระเยซูได้ยินเรื่องราว พระองค์ลุกขึ้นและทำหน้าที่นี้ต่อไป นั่นคือ การประกาศเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าทันที พี่น้องจะเห็นได้ว่า การล้างของพระเยซูเจ้า ไม่ได้เป็นแต่เพียงคำถามว่า ทำไมพระเยซูต้องรับการล้างบาปนี้ แต่คำถามสำคัญก็คือ ทำอย่างไรพระองค์จึงจะสามารถประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าต่อไปได้ John F. Kennedy’s บอกว่า , “อย่าถามว่า ประเทศชาติจะให้อะไรกับท่าน ,ตรงกันข้าม จงถามตัวท่านเองว่า ท่านสามารถทำอะไรให้กับประเทศชาติของท่าน?” ซึ่งจะสามารถอธิบายได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับพระศาสนจักรได้
แล้วพวกเราทำอย่างไร? วัดท่าซุง ทำอย่างไรเพื่อประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า ? เราพร้อมอุทิศตนเองอย่างเต็มที่เพื่อประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าทำหรือไม่ ? ถ้าไม่ ทำอย่างไรที่เราจะสามารถสนับสนุนผู้ที่ทำงานด้านการแพร่ธรรมได้, ซึ่งได้ทำหน้าที่นี้แทนพวกเรา ?
วันนี้ ขอให้พี่น้อง ระลึกถึงศีลล้างบาปที่พี่น้องได้รับ คำสัญญา การอุทิศตนเอง เพื่อประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า และเป็นพยานถึงทั้งในวาจาและกิจการของเราแต่ละคน ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่พี่น้องทุกท่าน
วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2552
สมโภชพระคริสตแสดงองค์ 2009
สมโภชพระคริสตแสดงองค์ 2009
ในค่ำคืนอันเหน็บหนาว ชาวนา 3 คนนั่งผิงไฟอยู่รอบกองไฟ ไม่นานชายชาวนาสองคน ก็เริ่มต้นคุยเกี่ยวกับศาสนาของตนเองแล้วก็เถียงกันว่า ศาสนาใดคือศาสนาที่เที่ยงแท้ถาวรและดีที่สุด เถียงกันไปมาหาข้อสรุปไม่ได้ ทั้งสองจึงหันมาถามเพื่อนอีกคนที่นั่งเงียบๆ “ท่านช่วยตัดสินให้หน่อยว่า ศาสนาของใครเป็นศาสนาที่เที่ยงแท้” ชายคนที่ 3 ก็ตอบว่า “ ท่านทั้งสองก็รู้ดีกว่า หนทางที่จะไปยังโรงงานผลิตสินค้านั้นจะต้องไปอย่างไร? 1. ท่านเดินข้ามภูเขาลูกนี้ไปก็ได้, แม้ว่ามันจะสั้นหน่อยแต่ก็ยากลำบาก เพราะต้องปีนขึ้นไป 2. ท่านไปทางขวามืออ้อมภูเขาไปหน่อยก็ได้ก็ไม่ไกลเท่าไร แต่ถนนขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อหน่อย 3. หรือไม่ก็ไปทางซ้ายก็ได้ แต่ทางไกลกว่า แต่ก็ง่ายที่สุด แต่พวกท่านรู้หรือไม่ เมื่อพวกท่านไปถึงโรงงานแล้ว เจ้าของโรงงานจะไม่ถามหรอกว่า พวกท่านมาที่โรงงานของเขาได้อย่างไร แต่จะถามท่านว่า “เป็นไง,ผลผลิตของพวกท่านเป็นอย่างไร?”
พี่น้องครับ เรื่องราวการประสูติของพระเยซูเจ้า มีกลุ่มคนสองกลุ่มที่ได้พบพระกุมาร นั่นคือ 1.กลุ่มคนเลี้ยงแกะ 2.กลุ่มพญาสามองค์ คำถามมีอยู่ว่า ทำไมพระศาสนจักรไม่ได้จัดให้มีการฉลองการมาเยี่ยมของคนเลี้ยงแกะ? แต่มีการฉลองสำหรับการเยี่ยมของพญาสามองค์ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?? เป็นเพราะว่า การมาของพญาสามองค์เป็นการเปิดหูเปิดตา ซึ่งคนเลี้ยงแกะได้รับการเผยแสดงจากทูตสวรรค์แล้ว เรียกว่า การเผยแสดงโดยตรงและเหนือธรรมชาติ สำหรับเราทุกคนไม่มีปัญหา แต่สำหรับพญาสามองค์ที่เดินทางมาโดยดาวนำทาง ดาวไม่ได้บอกอะไรกับทั้งสาม ทั้งสามต้องแปลความหมายจากเครื่องหมายดาวนำทางเพื่อที่จะรู้ว่า ดาวดาวบอกอะไรกับพวกท่านและจะนำทางพวกท่านไปที่ไหน
พี่น้องครับ เรื่องเล่าที่พ่อเล่าให้ฟัง บอกกับเราว่า ศาสนาทุกศาสนาเป็นหนทางหนึ่งที่มุ่งไปสู่ความดีสูงสุด สำหรับเราคริสตชน นั่นคือ หนทางไปสู่พระเจ้า สิ่งที่พระเยซูบอกกับเราก็คือ “เราคือหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปหาพระบิดาได้ นอกจากผ่านทางเรา” (ยน. 14:6)
พี่น้องครับ เราลองสังเกตดูว่า ทำไมผู้คนในศาสนาอื่นๆ จึงได้รับรู้เรื่องราวการประสูติของพระเยซู คนเลี้ยงแกะซึ่งไปคนต่ำต้อย ไม่สามารถเข้าพระวิหารเพื่อนมัสการพระเจ้าหากไม่ไปชำระล้างร่างกายให้สะอาดเรียบร้อย แต่พวกเขากลับได้รับการเผยแสดงโดยตรงจากทูตสวรรค์ พญาสามองค์ได้รับรู้ผ่านทางการนำทางของดวงดาว ธรรมาจารย์ของกษัตริย์เฮโรดค้นพบการบังเกิดจากการอ่านพระคัมภีร์ มีการบันทึกไว้ในพระคัมภีร์
พี่น้องจะเห็นว่า การเผยแสดงของทูตสวรรค์,ดวงดาวนำทาง,พระคัมภีร์ คือหนทางที่แตกต่าง แต่ได้รับรู้ความจริงอันเดียวกัน น.มัทธิวเล่าเรื่อง ดาวนำทางที่นำพญาสามองค์มาที่เยรูซาเล็มแล้วดาวก็ดับแสงทำให้ทั้งสามต้องขอคำแนะนำจากฟารีสี ธรรมาจารย์ ที่อ่านพระคัมภีร์แล้วก็บอกว่า ให้ไปที่เบธเลแฮม หมายความว่า เหนือสิ่งอื่นใด ชีวิตของเราก็ต้องการแสงสว่างเหนือธรรมชาติของพระคัมภีร์เพื่อนำทางให้เราได้รู้จักพระเยซูมากยิ่งขึ้น
แล้วใครหล่ะที่ได้พบพระเยซูเจ้า : กษัตริย์เฮโรดหรือธรรมาจารย์ ไม่พบพระเยซูแม้พวกเขาจะมีพระคัมภีร์อยู่ในมือ แต่กลับกลายเป็นพญาสามองค์(คนต่างศาสนา)ที่เดินตามดวงดาวนำทาง กลับได้พบพระเยซูเจ้า ทำไม? เพราะว่ากษัตริย์เฮโรด และบรรดาฟารีสี ไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำแห่งพระคัมภีร์(มิได้ปฏิบัติตามพระวาจา) ตรงกันข้าม พญาสามองค์ ติดตามการนำทางนั้นอย่างใจจดจ่อ ดำเนินชีวิตตามการนำทางนั้นอย่างดี เตรียมพร้อมชีวิตอยู่เสมอเพื่อติดตามการนำนั้น
ในโอกาสปีใหม่ 2552/2009 นี้ สำหรับพี่น้องทุกท่าน เราเชื่อว่า ศาสนาของเราเป็นศาสนาที่เปี่ยมด้วยจริงสูงสุด แต่จะมีประโยชน์อันใด หากเรามิได้ปฏิบัติตามคำสอน คำแนะนำแห่งพระวรสาร จากพระวาจา และ มิได้เดินในหนทางแห่งความจริงและความถูกต้อง?
ข้อคิดสำหรับเราทุกคนก็คือ คนต่างศาสนา 2 กลุ่มซึ่งมีหัวใจบริสุทธิ์ติดตามการนำทางจนได้พบพระกุมารเยซูก่อนกลุ่มคริสตชนซึ่งรู้ความจริงที่พระเจ้าเผยแสดงให้รู้ แต่ไม่ได้เดินตามความเชื่อนั้น
การท้าทายนี้เชิญชวนเราให้ฉลองวันนี้ที่เรื่องราวของคนต่างศาสนา พญาสามองค์ที่แสวงหา ติดตามจนได้พบกับพระเยซู
ขอพระเจ้าประทานพระพรแด่ทุกท่านตลอดปีใหม่นี้และตลอดไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)